“พิพัฒน์” ดันเปิด ปท.แบบ STV ย้ำกักตัว 14 วัน/บินเจ็ตส่วนตัว-เหมาลำ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2)

หลังจากตั้งท่าผลักดันนโยบายเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาหลากหลายโมเดล นับตั้งแต่การจับคู่ระหว่างประเทศในรูปแบบ travel bubble หรือการเปิดภายใต้ “ภูเก็ตโมเดล” ล่าสุด “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เดินหน้าผลักดันรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า STV หรือ special tourist visa วีซ่าพิเศษที่ออกให้สำหรับนักท่องเที่ยวพักยาว

พร้อมทั้งย้ำว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องกักตัว 14 วันตามมาตรฐานคนไทย และต้องเป็นกลุ่มที่เดินทางโดยเครื่องบินไพรเวตเจ็ตและเครื่องบินเหมาลำเท่านั้น

ย้ำต้องมี STV-กักตัว 14 วัน

“พิพัฒน์” ให้ข้อมูลว่า หลังจากการศึกษาและเก็บข้อมูลในพื้นที่ภูเก็ต รวมถึงการหยั่งเสียงประชาชนในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวฯจึงตัดสินใจใช้ “การเปิดประเทศอย่างจำกัด” เป็นโมเดลต้อนรับนักท่องเที่ยวใหม่แทน “ภูเก็ตโมเดล” และเซฟแอนด์ซีลที่มีการพูดถึง ในช่วงที่ผ่านมา เน้นการกักตัว 14 วัน (ASQ หรือ ALSQ) ตามมาตรการควบคุมโรคของ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกันกับคนไทยที่เดินทางกลับเข้าประเทศทุกประการ

โดยมีสาระสำคัญอีกอย่างอยู่ที่ special tourist visa (STV) วีซ่าพิเศษที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวพำนักในไทยนาน 90 วัน และต่อได้ 2 ครั้งรวม 270 วัน นักท่องเที่ยวทุกคนที่ต้องการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจะต้องเดินทางภายใต้วีซ่านี้ ซึ่งขออนุมัติวีซ่าได้ต่อเมื่อดำเนินการผ่านบริษัทนำเที่ยวของไทยที่มีใบอนุญาตถูกต้องและอยู่ในไทยไม่ต่ำกว่า 30 วัน

เดินทางเจ็ตส่วนตัว-เช่าเหมาลำ

นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางด้วย STV จะต้องเดินทางผ่านเที่ยวบินส่วนตัว หรือเที่ยวบินเช่าเหมาลำเท่านั้น รวมถึงจะต้องมีการชำระค่าเข้าพักสำหรับ ASQ หรือ ALSQ และ โรงแรมที่พักที่จะพำนักต่อหลังจากกระบวนการกักตัวเสร็จสิ้นแล้วก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยปัจจุบันพื้นที่ ASQ หรือ ALSQ แล้วใน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯกว่า 30 แห่ง, ภูเก็ต 3 แห่ง,ชลบุรี 1 แห่ง และบุรีรัมย์ 1 แห่ง

โดยช่วงแรกหลังได้รับการอนุมัติและประกาศใช้ STV ถูกต้องในราชกิจจานุเบกษา จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ไทยไม่เกินเที่ยวบินละ100 คน ไม่เกิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นไม่เกิน 300 คนต่อสัปดาห์ก่อนจะขยายผลต่อไปในอนาคต

ดีเดย์ 1 ตุลาคมนี้แน่นอน

ซึ่งขณะนี้มั่นใจว่ามีดีมานด์นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางแน่นอนแล้วในหลายพื้นที่ อาทิ ยุโรป จีน ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาจะต้องมาจากพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ แม้อยู่ในประเทศที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้ออยู่

“ที่ผ่านมาประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงและหลายจังหวัดแทบจะเป็นเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวที่พึ่งพาแต่การท่องเที่ยว การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เร็วที่สุดและปลอดภัยกับคนไทยที่สุดจึงมีความสำคัญอย่างมากผมเตรียมนำแนวทางที่สำรวจจากพื้นที่ภูเก็ตราว 90 หน้า เสนอต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจะเร่งดำเนินการผ่าน ศบค. ศบศ. และ ครม.ให้เร็วที่สุด เพื่อให้นักท่องเที่ยวคนแรกเหยียบไทยทันวันที่ 1 ตุลาคมนี้”

ผุดแคมเปญ “14 วันหรรษา”

นอกจากนี้ ในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ได้กำลังเดินหน้าจัดทำแคมเปญพิเศษ ภายใต้ชื่อ “14 วันหรรษา” เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ต้องกักตัว 14 วัน สามารถทำกิจกรรม

ต่าง ๆ รวมถึงจองกิจกรรมต่าง ๆ ล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจทัวร์ แพ็กเกจกิจกรรมนวดสปา หรือกิจกรรมช็อปปิ้ง โดยอาจมีรูปแบบเป็นเว็บมินาร์ที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้เองในห้องพัก สร้างดีมานด์ล่วงหน้าก่อนพ้นการกักตัว

“ยอมรับว่าในพื้นที่ภูเก็ตก็มีความเห็นที่แตกต่าง ผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่หนุนให้มีการเปิดประเทศโดยด่วนจริง ขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนบางส่วนที่กังวลกับเปิดประเทศในเวลานี้ และอยากให้เน้นทำการท่องเที่ยวภายในประเทศให้เต็มที่ก่อน อย่างไรก็ตาม ผมได้เตรียมผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ตมากขึ้น เพื่อสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้นยังจะเน้นการสื่อสารที่ชัดเจนมากขึ้นว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องกักตัว14 วัน เหมือนกับคนไทยทุกประการ”

เอกชนหนุนเปิดประเทศ

ด้าน “เมธินี รอดเสวก” รองประธานและกรรมการผู้จัดการ “สกายเวิลด์” ผู้บริหารหนุมานเวิลด์ บริการการท่องเที่ยวผจญภัยเชิงอนุรักษ์ที่เคยมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1,000-2,000 คน ในช่วงสุดสัปดาห์ ยอมรับว่าธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก จำต้องกลับมาเปิดบริการแค่ 25% ของกิจกรรมทั้งหมดรวมถึงต้องเร่งปรับตัวรับนักท่องเที่ยวชาวไทยผ่านการออกโปรโมชั่นลดราคาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

แต่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ปกติคิดเป็นสัดส่วน 30% ของลูกค้าทั้งหมดก็ยังไม่เพียงพอต่อการประคองกิจการ และคาดว่าซอฟต์โลนที่ได้รับมาก็จะลดลงจนหมดภายในระยะเวลาอันใกล้

จึงอยากให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเปิดประเทศโดยเร็วและปลอดภัยที่สุด พร้อมเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ปรับมุมความคิด ชี้ให้เห็นว่าแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่จำนวนมากจะได้งานและรายได้คืนกลับมามีชีวิตและการงานที่มั่นคง สร้างทัศนคติที่ดีในการเปิดประเทศให้กับคนพื้นที่

ของบฯ หนุนไทยเที่ยวไทยไปต่อ

ฟาก “วิรินทร์ตรา ปภากิจยศพัฒน์” นายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวภูเก็ตและเจ้าของธุรกิจในเครือนิกรมารีนผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว เรือบริการนักท่องเที่ยว และโรงแรมที่พักระบุว่า หลังการคลายล็อกดาวน์ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ตกลับมาเปิดให้บริการไม่ถึง 10% ของทั้งหมด

ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายเจ้ารวมถึงนิกรมารีนก็หันมาทำตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเต็มที่และบ่มเพาะตลาดมาในช่วงเวลาหนึ่งและเริ่มติดตลาดบ้างแล้ว จึงอยากให้รัฐสนับสนุนโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการกำลังใจและเราเที่ยวด้วยกัน

เนื่องจากที่ผ่านมา โครงการ “กำลังใจ” จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการและเวลาในการสร้างตลาด ทำให้กว่าที่ผู้ประกอบการอย่างนิกรมารีนจะจับกลุ่มลูกค้า อสม.ได้ก็ล่วงเลยมาเกือบ 1 เดือนเต็มแล้ว และทันทีที่สามารถทำตลาดได้ ผู้ประกอบการก็พร้อมที่จะทำอย่างเต็มที่

โดยที่ผ่านมานิกรมารีนมีจำนวนกลุ่ม อสม.ร่วมเดินทางด้วยแล้วกว่า 1,000 คน เชื่อว่าจะทำได้ถึง 3,000 คนก่อนหมดระยะเวลาโครงการ แต่หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้ขยายเวลาออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรือปีหน้า น่าจะเปิดทางให้บริษัทสามารถทำแพ็กเกจเสนอกับ อสม.ได้มากขึ้น

นอกจากนั้น ถ้าหากมีการเปิดทางให้บริษัทนำเที่ยวเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ได้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายกลุ่ม รวมไปถึงแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

พร้อมกันนั้นยังเชื่อว่า การสนับสนุนการเดินทางในรูปแบบเดียวกับโครงการ “กำลังใจ” แต่เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวเป็น 3,000 บาทน่าจะเหมาะสม โดยที่ผ่านมานิกรมารีนเล็งเห็นถึงศักยภาพของนักท่องเที่ยวไทยที่พร้อมจะออกเดินทาง ถ้ามีการสนับสนุนจากรัฐที่เหมาะสม และเชื่อว่าตลาดไทยจะสามารถพยุงเศรษฐกิจในระยะเวลาอันใกล้ได้