อินเด็กซ์ปั้น “อัญยา เมดิเทค” จับคู่ รร.-รพ. รุกธุรกิจสุขภาพ

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ

“อินเด็กซ์” ปั้น “อัญยา เมดิเทค” รุกตลาดเมดิคอลพรีเวนชั่นรายแรกของภูมิภาค จับคู่ “โรงแรม-โรงพยาบาล” ส่งแพ็กเกจดูแลสุขภาพ-ป้องกันโรคทั่วไทย มั่นใจดูดค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่ม 100% ตั้งเป้าปีแรกกวาดรายได้100 ล้าน ประกาศหา 10 โรงแรม เข้าร่วมพันธมิตรเฟสแรก พร้อมขายเครือข่ายครบ 20 โรงแรมภายในสิ้นปี”64 ก่อนเดินหน้าทำตลาดระดับภูมิภาคในสเต็ปต่อไป

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้โรงแรมและโรงพยาบาลที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง บริษัทจึงนำเอานวัตกรรมทางด้านการป้องกันโรคที่เชื่อมโยงระหว่างโรงพยาบาลและโรงแรมมาสู่ผู้บริโภคภายใต้ชื่อ “อัญยา เมดิเทค (ANYA MEDITEC)” ศูนย์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาด้านสุขภาพของคนเมือง

โดยใน “อัญยา เมดิเทค” มีสัดส่วนการถือครองหุ้น ดังนี้ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) 40% บริษัท เรสท์ เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด 10% บริษัท ดูเรียน คอร์ปอเรชั่น จํากัด 10% และนางสาวทักษอร คงคาประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท 25% ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาทภายใน 1 ปี

นายเกรียงไกรกล่าวว่า “อัญยาเมดิเทค” จะทำงานภายใต้แนวคิด Bring Hospital to Hotel แห่งแรกของภูมิภาค โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงระหว่าง hospital+hotel+technology เข้าด้วยกัน ผ่านการยกบริการด้านการป้องกันโรคและบำบัดรักษามาเสิร์ฟถึงในโรงแรมระดับ 5 ดาว และบริหารจัดการวางแผนธุรกิจ วางระบบการบริการด้านสุขภาพ และป้องกันโรคให้กับโรงแรมตั้งแต่เริ่มต้นเซตอัพ ตลอดไปจนถึงการทำการตลาดและการขาย

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายเจาะกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายระดับ A และ B ด้วยบริการจากโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไป โดยเชื่อว่าตลาดไทยมีประชากรในกลุ่มที่มีกำลังซื้อเพียงพอที่จะใช้บริการหรือมีเงินฝากในบัญชีเกิน 1 ล้านบาทอยู่กว่า 1 ล้านราย เพียงพอสำหรับการเติบโตในระยะแรก จากนี้ไปจนถึงปีหน้า และทันทีที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยได้สเกลของตลาดก็จะขยายเพิ่มขึ้นอีกอย่างมหาศาล โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์ที่กำลังจะมีมากขึ้นในไทยหลังโควิด-19

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีแผนจะขยายธุรกิจออกไปสู่ผู้ให้บริการระดับภูมิภาค โดยทันทีที่สามารถนำการให้บริการออกไปสู่ประเทศรอบข้างได้อย่างเสรี อัญยา เมดิเทคจะเดินหน้าทำตลาดในประเทศที่มีศักยภาพทันที โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและให้ความสนใจกับนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการผลักดันเป็นเมดิคอลฮับ และมีกลุ่มเป้าหมายในตลาดจำนวนมาก

“จากนี้อัญยาฯจะเร่งพิจารณาหา10 โรงแรมที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการให้เสร็จสิ้นและโอเปอเรตได้ภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้ามีโรงแรมเครือข่าย 20 แห่งภายในสิ้นปี 2564 และเชื่อว่าอัญยาฯที่เป็นธุรกิจด้านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพจะเติบโตแบบเอสเคิร์ฟ โดยกล้ายืนยันว่า 10 โรงแรมเครือข่ายแรกที่จะเข้ามาร่วมกับเราจะคืนทุนโดยเร็ว”

ขณะเดียวกัน โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถเพิ่มวันพำนักและค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลได้กว่า 100% ช่วยสร้างรายได้ที่คุ้มค่าให้กับโรงแรมที่สูญเสียนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และโรงพยาบาลที่กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตด้วยยอดใช้บริการที่ลดลงกว่า 25-40% พร้อมกลายเป็นดิสรัปชั่นใหม่ของวงการ ทำให้การจัดตั้งศูนย์เวลเนสรีสอร์ต ไม่จำเป็นจะต้องลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์

นายเกรียงไกรกล่าวต่อไปว่า ด้วยรูปแบบการให้บริการที่สามารถกระจายไปอยู่ ณ เมืองพักผ่อนที่มีบรรยากาศยอดเยี่ยม ประกอบการช่วงราคาสำหรับแพ็กเกจ 3 วัน 2 คืนที่เริ่มต้นเพียง 20,000 บาท คุ้มค่ากว่าการเข้าตรวจรักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่เริ่มต้นคืนละ 16,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ “อัญยา เมดิเทค” สามารถรุกเข้าสู่ตลาดนี้ได้อย่างแข็งแกร่งและโดดเด่นกว่าคู่แข่งที่มีเงื่อนไขในการรักษาและค่าใช้จ่ายสูง

นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าการนำโรงพยาบาลเข้าไปอยู่ในพื้นที่พักผ่อนอย่างโรงแรม ทำให้ผู้ที่ต้องการเข้ารับการตรวจหรือบำบัดด้วยแพ็กเกจต่าง ๆ สามารถไปพร้อมกับครอบครัวหรือคนรักในพื้นที่การท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ นำไปสู่สุขภาพจิตที่เหมาะสมกับการรักษา

นายเกรียงไกรกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่าปัจจุบัน “อัญยา เมดิเทค” ได้เริ่มต้นเปิดให้บริการเฟสแรกแล้ว และได้รองรับผู้ใช้บริการในชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ และโรงแรมสุโขทัยในแพ็กเกจ SleeplessSociety ไปกว่า 24 คน และกำลังจะมีผู้เข้าร่วมแพ็กเกจอีก 20 คนในรอบที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ก่อนที่อัญยาฯ จะสามารถหาพันธมิตรโรงแรมที่มีความโดดเด่น 10 แห่งมาเข้าร่วมได้