“ไทยแลนด์อีลิท” ลั่นสมาชิกพุ่ง มาตรฐานสาธารณสุขหนุนต่างชาติแห่ซบ

Photo by Romeo GACAD / AFP

“ไทยแลนด์ อีลิท” เผยโควิด-19 ปลุกชีวิต “อีลิตการ์ด” ความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุขหนุนต่างชาติยอมรับเมืองไทยดันยอดขาย 2 เดือนล่าสุดพุ่งพรวด คาดล้างขาดทุนสะสมเร็วกว่ากำหนด 1 ปี แจงบัตรสมาชิกกลุ่มโลว์เอนด์ 5-8 แสนบาท โตเร็ว ขายดี หัวหอกรุกตลาดทดลองซื้อ พร้อมจ่อออกบัตรใหม่ขายแพ็กประกัน-ศูนย์สุขภาพ รุกกลุ่มเวลเนส ยันสมาชิกอีลิตการ์ดเข้าไทยแล้ว 52 คน เตรียมเข้ามาอีก 450 คน เร่งกระทรวงการต่างประเทศเพิ่มและเร่งออกใบ COE

นายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท (Thailand Elite) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท มีจำนวนสมาชิกอยู่ที่ 11,132 ราย และในปี 2563 ที่ผ่านมามีรายได้จากการขายบัตรสมาชิกรวม 1,637 ล้านบาทยอดขายเติบโตขึ้น 26.7% โดยมีจำนวนบัตรที่ขายไปรวม 2,674 ใบ เติบโตขึ้น 24.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตั้งเป้าหมายขายบัตรสมาชิกได้อีกไม่ต่ำกว่า 2,500 ใบในปี 2564

ล้างขาดทุนสะสมได้ในปี’65

นายสมชัยกล่าวว่า ปัจจัยที่บริษัทตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2564 จำนวน 2,500 ใบนั้นเป็นการประเมินสถานการณ์และทำแผนในเดือนกรกฎาคม 2563 ในขณะที่ยอดการเติบโตอย่างรวดเร็วในเดือนสิงหาคม-กันยายนที่ผ่านมา โดยมีใบสมัครเป็นสมาชิกกว่าเดือนละ900 ราย เนื่องจากการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในไทยได้รับการยอมรับ และจากนักท่องเที่ยวต่างชาติตกค้างจำนวนมากที่ต้องการอยู่ต่อและต้องการเปลี่ยนวีซ่าเป็นElite Privilege Entry Visa (PE) หลังจากสิ้นสุดการขยายอายุวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว

“เดิมทีเดียวเราคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่เหลืออีกราว 555ล้านบาทหมดได้ภายในปี 2566 แต่เนื่องจากยอดขายที่เติบโตขึ้นจากแนวทางด้านสาธารณสุข สถานการณ์แพร่ระบาดที่รุนแรงในหลายประเทศรวมถึงการควบคุมต้นทุนที่เป็นไปตามแผนทำให้เราคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมหมดได้ภายในปี 2565 หรือจากนี้อีกไม่เกิน 2 ปี โดยในปีนี้ประมาณการกำไรสุทธิไว้ราว 200 ล้านบาทถ้าเราเก็บกำไรสะสมอีกปีละ 200 ล้านก็จะสามารถล้างขาดทุนได้สำเร็จ” นายสมชัยกล่าว

บัตรโลว์เอนด์ “เรือธง” ขายง่าย

นายสมชัยกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบัตรสมาชิกที่มียอดขายดีที่สุด คือบัตร 3 ประเภทในกลุ่มโลว์เอนด์(low end market) หรือบัตรสมาชิกที่มีราคาระหว่าง 500,000-800,000 บาทประกอบด้วย บัตรประเภท Elite Easy Access, Elite Family Alternative และ Elite Family Excursion ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ทดลองซื้อครั้งแรก รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการซื้อในระยะสั้น ๆ ก่อน

โดยบริษัทตั้งเป้าใช้บัตรสมาชิกในกลุ่มนี้เป็นเรือธงในการเดินหน้าทำตลาด เนื่องจากราคาเข้าถึงง่าย เพื่อต่อยอดไปสู่การซื้อบัตรสมาชิกในกลุ่มที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ จากแนวโน้มคาดว่าหากประเทศไทยสามารถรักษามาตรฐานทางด้านสาธารณสุขและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปได้นานเท่าไร โอกาสในการจำหน่ายบัตรสมาชิกประเภทที่มีอายุวีซ่ายาวนานก็มีแนวโน้มจะจำหน่ายได้มากขึ้น โดยเฉพาะบัตรประเภท Elite SuperiorityExtention และ Elite Ultimate Privilege ที่มีอายุวีซ่ากว่า 20 ปีในงบประมาณเพียง 1,000,000 บาทและ 2,000,000 ล้านบาท

จ่อออกบัตรใหม่ขายกลุ่มเวลเนส

นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมเสนอขายบัตรประเภทใหม่ Elite Maxima Health เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ โดยนอกจากวีซ่า 5 ปีจะเน้นบริการตรวจสุขภาพประจำปีฟรี กรณีเจ็บป่วยสามารถใช้บริการได้ทุกโรงพยาบาลชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ด้วยมูลค่าความคุ้มครองสูงถึง 5 ล้านบาทต่อปี

รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ในด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (wellness SPA) และโปรแกรมส่งเสริมการดูแลสุขภาพอื่น ๆ กำหนดอายุผู้ซื้อบัตรระหว่าง 5-55 ปี ราคาขาย 1,500,000 บาทโดยจะเริ่มต้นขายภายในเดือนตุลาคมนี้

ทำตลาดผ่านตัวแทน 17 ปท.

นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการทำตลาดของ “ไทยแลนด์ อีลิท” นั้นบริษัทจะเน้นการเสนอขายผ่านตัวแทนใน 17 ประเทศที่มีสัดส่วนการขายกว่า 50% ของยอดขายทั้งหมด โดยในระยะหลังตัวแทนหันมาทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึงยังมีตัวแทนบางประเทศที่เตรียมจัดเซสชั่นเพื่อนำเสนอสินค้าในกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ส่วนตลาดที่บริษัทสนใจและกำลังมองหาทางเปิดใหม่ คือ ออสเตรเลีย

“โดยปัจจุบันสมาชิกบัตรไทยแลนด์ อีลิทส่วนมากเป็นนักลงทุนจากกลุ่มประเทศเอเชียในสัดส่วนกว่า 57% รองลงมาเป็นกลุ่มประเทศยุโรปในสัดส่วน 28% โดยประเทศที่มีจำนวนสมาชิกสูงสุด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อังกฤษ และอเมริกา ในขณะที่ประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูง ได้แก่ จีน อเมริกา เยอรมนี อังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งจีนมีอัตราการเติบโตกว่า 52% และเริ่มมีจำนวนห่างชาติอื่นออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ” นายสมชัยกล่าว

รอเข้าตรึม-เร่ง กต.ออกเอกสาร

ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์พริวิเลจ คาร์ด กล่าวต่อไปอีกว่าหลังจากที่ประเทศไทยได้ปลดล็อกให้กลุ่มสมาชิกของ “ไทยแลนด์ อีลิท” สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ระยะหนึ่งแล้ว พบว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีสมาชิกบัตรเดินทางเข้าประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว 52 คนและมีกลุ่มที่อยู่ระหว่างกระบวนการเพื่อขอเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอีกราว 450 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ของบัตรที่ต้องรอผ่านกระบวนการมาตรฐานทางด้านสาธารณสุขของไทยเพื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยตามขั้นตอนปกติ

โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศยุโรปที่เริ่มเดินทางก่อนในช่วงที่ผ่านมาจากทั้งเยอรมนี สหราชอาณาจักร ฯลฯ ซึ่งสมาชิกบัตรมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อหัวต่อวันอย่างน้อย 1 พันเหรียญ นิยมอาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่

“ยอมรับว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีสมาชิกไทยแลนด์ อีลิทยังไม่สามารถเดินทางได้ในจำนวนมากนัก เนื่องจากมีอุปสรรคทางด้านเอกสารที่จะต้องผ่านกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศที่ติดขัดในช่วงแรก ซึ่งขณะนี้เรากำลังอยู่ระหว่างประสานงาน และขอให้กระทรวงการต่างประเทศเพิ่มความเร็วในการออกใบอนุญาตพำนัก (COE) ทำให้เชื่อว่ากระบวนการประสานงานต่าง ๆ จะเร็วขึ้น” นายสมชัยกล่าว