ทายาท “เดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป” ทุ่มปั้น “วาลา หัวหิน-นู แชปเตอร์ โฮเทล”

วาลา หัวหิน-นู แชปเตอร์ โฮเทล
สัมภาษณ์

กว่า 30 ปีที่โรงแรม “รีเจ้นท์ ชะอำ หัวหิน” ของกลุ่มตระกูล “เตชะไพบลูย์” เปิดให้บริการมาภายใต้บริษัท เดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป ผ่านการพัฒนาปรับปรุงมาแล้วหลายครั้งหลายครา

ถึงวันนี้ “เดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป” ได้ขยับตัวครั้งใหญ่ด้วยการลงทุนใหม่กว่า 1 พันล้านบาท ในโครงการวาลา หัวหิน (VALA HUAHIN) บูทีครีสอร์ตระดับ 5 ดาว ภายใต้หน่วยธุรกิจ “นู แชปเตอร์ โฮเทล” ซึ่งเป็นกลุ่มแมเนจเมนต์นิวเจนรุ่นใหม่

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “นูนู่-วศุมา คณาธนะวนิชย์” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เดอะรีเจ้นท์ กรุ๊ป ทายาทสาวของ “คุณบี๋-ปิยะมาน เตชะไพบูลย์” ผู้บริหารโรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ หัวหิน และอดีตประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ถึงการลงทุนใหม่ครั้งนี้ รวมถึงแนวคิดแนวการบริหารธุรกิจโรงแรมภายใต้วิกฤตโควิด ไว้ดังนี้

“วศุมา” บอกว่า โรงแรมวาลา หัวหิน นี้ถือเป็นโครงการลงทุนใหม่ล่าสุดของเดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป มูลค่าลงทุนรวมกว่า 1,200 ล้านบาทดำเนินงานโดย “นู แชปเตอร์ โฮเทล” ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ภายใต้เดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป โดยตนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและพัฒนามาตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโปรเจ็กต์เมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมทั้งออกแบบ ตรวจไซต์งานก่อสร้าง สร้างแบรนด์ ฯลฯ จนเสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการไปแล้วเมื่อ 17 กันยายนที่ผ่านมา

“ส่วนตัวได้เข้ามาช่วยงานคุณแม่ (ปิยะมาน เตชะไพบูลย์) ได้ 5 ปีก่อนโดยเข้ามาช่วยงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดูแลรับผิดชอบด้านการปรับปรุงโรงแรมรีเจ้นท์ ชะอำ หัวหิน ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งบริหารงานด้านการตลาด ซึ่งเป็นงานที่ตัวเองถนัด เพราะเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโทด้านกลยุทธ์การตลาด จากประเทศอังกฤษ บวกกับที่ได้สัมผัสและสั่งสมประสบการณ์งานด้านโรงแรมมาอย่างต่อเนื่อง”

“วศุมา” บอกด้วยว่า โรงแรมวาลาหัวหิน ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ติดชายหาดทะเลหัวหิน-ชะอำ (ทางเข้าเดียวกับเดอะ รีเจ้นท์ หัวหิน ชะอำ) ซึ่งเป็นที่ดินดั้งเดิมของครอบครัว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ใหญ่ การออกแบบแลนด์สเคปจึงต้องเน้นรักษาต้นไม้เดิมเอาไว้ทั้งหมด และออกแบบให้มีเอกลักษณ์ภายใต้แนวคิด “Nature’s Touch with a Modern Design” ที่ผสมผสานระหว่างงานสถาปัตยกรรมทันสมัยกับบรรยากาศธรรมชาติที่ลงตัว

โรงแรมแห่งนี้ประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 97 ห้อง แบ่งเป็นโซนห้องพักบนอาคาร 3 ชั้น จำนวน 84 ห้อง มีระเบียงกว้างและมองเห็นวิวทะเลทุกห้อง และโซน VALA VILLAS ซึ่งเป็นวิลล่าส่วนตัว จำนวน 13 หลังออกแบบเป็นสไตล์ glamping มีความเป็นส่วนตัวสูง

โดยเฉพาะ Beachfront Pool Villa มีเพียง 5 หลังเท่านั้น ตั้งอยู่หน้าสุดของชายหาด สามารถชมวิวทะเลได้จากภายในห้องพัก และด้านนอกยังมีสระว่ายน้ำระบบเกลือส่วนตัว พื้นที่สวน และระเบียงกว้างที่สามารถจัดกิจกรรมเอาต์ดอร์ได้

“เราเป็นคนวงการท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวมาเยอะ จึงมีความตั้งใจอยากสร้างโปรดักต์ที่มาจากความสนใจของเราและคิดว่าคนอื่นก็น่าจะให้ความสนใจด้วย และเชื่อว่าโพซิชันนิ่ง และแคแร็กเตอร์ของแบรนด์วาลา หัวหิน นี้จะมีความแตกต่างและสอดรับกับดีมานด์ของตลาดในอนาคตได้มากยิ่งขึ้น”

“วศุมา” อธิบายด้วยว่า โปรดักต์ของกลุ่มเดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป คือ โรงแรมเดอะ รีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ต, รีเจ้นท์ชาเล่ย์ และโรงเรียนการโรงแรมและท่องเที่ยว รีเจ้นท์ ชะอำ ซึ่งเดอะ รีเจ้นท์ชะอำเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว จับกลุ่มครอบครัวและกลุ่มประชุมสัมมนาเป็นหลัก

ส่วนโปรดักต์ใหม่คือ “วาลา หัวหิน” ซึ่งบริหารงานโดย “นู แชปเตอร์ โฮเทล” นี้เป็นบูทีครีสอร์ตระดับ 5 ดาว จะมุ่งจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ธรรมชาติ และมีคอมมิวนิตี้ ซึ่งเป็นแนวโน้มของนักเดินทางท่องเที่ยวยุคใหม่

“คำว่า วาลา แปลว่า พลังจากธรรมชาติ ซึ่งคิดชื่อแบรนด์มาจากการที่โครงการเราอยู่ในโลเกชั่นท่ามกลางธรรมชาติแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหน คือ ติดทะเล มองเห็นวิวทะเลทุกห้อง มีความสะดวกสบายตามมาตรฐานของโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และรังสรรค์จากโลคอลโปรดักต์ ซึ่งเรามั่นใจว่าทุกคนที่เข้ามาพักจะได้รับพลังจากธรรมชาติ และได้พักผ่อนที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง” วศุมาย้ำ

เมื่อถามถึงแผนการลงทุนในอนาคตของนู แชปเตอร์ โฮเทล “วศุมา” บอกว่า โรงแรม “วาลา หัวหิน” นี้ถือเป็นโครงการแรก ในอนาคตบริษัทจะมุ่งขยายและพัฒนาในโลเกชั่นที่มีศักยภาพเพิ่มเติมอีกแน่นอน ส่วนจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ “วาลา” หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามโลเกชั่น เอกลักษณ์ และวัฒนธรรมของที่เข้าไปลงทุนด้วย

วศุมา คณาธนะวนิชย์
วศุมา คณาธนะวนิชย์

เนื่องจากคอนเซ็ปต์การลงทุนของนู แชปเตอร์ฯนั้นจะเน้นดึงจุดเด่นในแต่ละพื้นที่ออกมานำเสนอ โดยเฉพาะในเรื่องของวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม โพซิชันนิ่งทางการตลาดของโรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารของนู แชปเตอร์ฯจะอยู่ในระดับ 5 ดาวขึ้นไปทั้งหมด

“วศุมา” ยังทิ้งท้ายด้วยว่า ด้วยความที่เดอะ รีเจ้นท์ กรุ๊ป เป็นกลุ่มทุนไทย บวกกับตั้งอยู่ในทำเลหัวหิน-ชะอำ ซึ่งเป็นเดสติเนชั่นยอดนิยมของคนไทย ที่ผ่านมาโรงแรมเดอะรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ต จึงมุ่งโฟกัสกลุ่มตลาดคนไทยเป็นหลัก เช่นเดียวกับ “วาลา หัวหิน” โรงแรมใหม่แห่งนี้ก็มุ่งโฟกัสจับกลุ่มคนไทยเป็นหลักเช่นกัน