ท่องสมุทรปราการ ฉบับอันซีน (จบ)

แม้ทริปท่องเที่ยว “สมุทรปราการ” จะสามารถบริหารเวลาแบบไปเช้าเย็นกลับได้ ในกรณีที่ตั้งต้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว หลังจากเที่ยววัด ชิมของอร่อยอย่างปูไข่และกุ้งเหยียดกันไปแล้ว แนะนำให้ลองสัมผัสบรรยากาศเงียบสงบ อบอุ่น เรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติกันที่ “พัฑราฟาร์มสเตย์”

โฮมสเตย์น่าสนใจแห่งนี้ ตั้งอยู่ในคลองลุงเพิ่ม ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ รับเป็นกรุ๊ป ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ไม่เกิน 30 คน

ค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 1,300 บาทต่อคืน รวมอาหาร 3 มื้อ รวมซอฟต์ดริงก์ (ไม่รวมค่าบริการเรือจากท่าเรือคลองลุงเพิ่ม) เน้นเมนูง่าย ๆ วัตถุดิบหลักก็มาจากวังบริเวณโฮมสเตย์ พวก กุ้ง หอย ปู

ปลา ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความเป็นท้องถิ่น และสามารถนอนชิลรับลมริมวัง บอกได้คำเดียวว่า บรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกยามเย็นสวยจับใจมาก จนอยากกลับไปพักที่ “พัฑราฟาร์มสเตย์” อีกรอบ

หลังจากนอนเต็มอิ่ม ได้เวลาลุยเที่ยวต่อในเช้าวันใหม่ก่อนกลับ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่แนะนำให้ไปเยือนนั้น คือ “องค์พระสมุทรเจดีย์” และ “ป้อมพระจุลจอมเกล้า”

องค์พระสมุทรเจดีย์ หรือที่นิยมเรียกว่า พระเจดีย์กลางน้ำ สัญลักษณ์แห่งความศรัทธากว่า 200 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่า ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เสด็จตรวจความเรียบร้อย บังเอิญเหลือบไปเห็นสันดอนเนินทราย จึงดำริให้สร้างเจดีย์ขึ้น โดยขณะนั้นมีความสูงเพียง 10 – 20 เมตรเท่านั้น

ต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้เสด็จนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ให้สูงขึ้น ด้วยการถมเกาะให้กว้างกว่าเดิม ก่อพระสมุทรเจดีย์เป็นทรงระฆัง หุ้มเจดีย์ของเดิมให้สูงขึ้นเป็น 19 วา 2 ศอก หรือราว ๆ 39 เมตร ซึ่งแล้วในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

ปัจจุบันองค์พระสมุทรเจดีย์ มีผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาแวะเวียนมาสักการะมากมาย และที่คึกคักเป็นพิเศษคืองานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่วันแรม 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นต้นไป โดยให้ประชาชนร่วมขบวนแห่ผ้าสีแดงทางบกตั้งแต่ฝั่งอำเภอเมือง บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด วนรอบตลาดปากน้ำ และขบวนแห่ทางเรือต่อไปยังอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งผู้ที่ขึ้นห่มผ้าต้องเป็นทายาทในตระกูลรุ่งแจ้งเท่านั้น

ป้อมพระจุลจอมเกล้า ปราการทางทะเลที่ปกป้องแผ่นดินสยามจากวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 นำมาซึ่งความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของชาวสมุทรปราการ ตั้งอยู่บริเวณปากร่องน้ำเจ้าพระยา ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ ในอดีตถือได้ว่าเป็นป้อมปราการที่มีความสำคัญในการป้องกันอริราชศัตรูที่รุกล้ำดินแดนจากทางทะเลเข้าสู่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวง

ปัจจุบันกองทัพเรือได้บูรณะและปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แก่ประชาชนทั่วไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หล่อด้วยปอกลูกปืนน้ำหนักกว่า 3 ตัน ส่วนใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ มีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยมีวิทยากรพาเยี่ยมชมและให้ข้อมูลตลอดทาง สถาปัตยกรรมของตัวป้อมเป็นแบบตะวันตก ภายในแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ และหลุมหลบภัยที่มีความปลอดภัยสูง รวมถึงปืนเสือหมอบที่มีแสนยานุภาพมหาศาล เนื่องจากเป็นปืนต่างประเทศที่พระบาทสมเด็จ

พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งให้ซื้อด้วยทรัพย์สินส่วนพระองค์ พร้อมชมอุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ แหล่งเรียนรู้แห่งราชนาวีไทยและที่ตั้งตระหง่านริมแม่น้ำเจ้าพระยาคือเรือหลวงแม่กลอง เป็นเรือรบประเภท


สลุป (Sloop) มีอายุประจำการยาวนานที่สุดในประเทศไทยถึง 59 ปี และเก่าแก่อันดับ 2 ของโลก รองจากเรือ GUN SHIP ชื่อ GOANA JUATA ของประเทศเม็กซิโก เคยทำหน้าที่เป็นเรือครูแห่งราชนาวีไทย สอนวิชาการเรือ ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติด้านการเดินเรือ การใช้อาวุธ รวมถึงยุทธวิธีต่าง ๆ ปัจจุบันได้ทำการปลดระวาง และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบแม่กลองแทน