“พิพัฒน์” จ่อชงเปิด “บับเบิล” จีน หวัง 22 มณฑลปลอดโควิดกระตุ้นเศรษฐกิจ

“รมว.พิพัฒน์” เตรียมเสนอ “บิ๊กตู่” จับคู่ถก “สี จิ้นผิง” เปิด travel bubble 22 มณฑลปลอดเชื้อโควิดของจีน หวังเป็นของขวัญปีใหม่-ก้าวสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ พร้อมชง ศบค.ลดกักตัวเหลือ 10 วัน-เปิดสนามกอล์ฟเป็นสถานที่กักตัวได้ หวังดึงตลาดเกาหลี-จีน รับล็อกดาวน์ยุโรปสกัด STV สะดุดยาวถึงปลายปี

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงเตรียมประสานงานสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อนำเสนอให้จับคู่เปิด travel bubble หรือการเดินทางอย่างจำกัดระหว่างประเทศไทยและ 22 มณฑลของจีนที่มีฐานประชากรกว่า 800 ล้านคน และปลอดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มานานกว่า 150 วัน

ชงแทรเวลบับเบิลจีน-ลดกักตัว

โดยหลังการประสานงานเบื้องต้นแล้วเสร็จจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำข้อตกลงระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยและจีน ก่อนเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดการเจรจาโดยตรงกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป

“หลังจากเราเปิดประเทศดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลมีมาตรการในการดูแลอย่างดีไม่ต้องกังวล เชื่อว่าถึงจุดหนึ่งเราจะทลายกำแพง และสร้างความเชื่อมั่นมากพอที่จะเปิดแทรเวลบับเบิลได้ในอนาคตอันใกล้”

“โดยเฉพาะการเปิดแทรเวลบับเบิลกับ 22 มณฑลของจีนที่จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติก่อน 1 มกราคม 2564 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ และเป็นแนวทางนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศต่อไป”

นอกจากนี้ ยังเตรียมเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 นี้ให้ปรับลดเวลากักตัวในสถานกักตัวทางเลือกของรัฐ (ASQ) สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจาก 14 วัน ให้เหลือเพียง 10 วันด้วย

เปิดสนามกอล์ฟเข้าร่วม ASQ

รวมถึงหารือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กรณีเปิดให้สนามกอล์ฟเป็นสถานกักกันทางเลือกของรัฐ (ASQ) ซึ่งได้รับการตอบรับจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างดี จึงเตรียมนำข้อเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ศบศ.ในสัปดาห์หน้า เพื่อเปิดให้สนามกอล์ฟทั่วประเทศเข้ามาร่วมเป็น ASQ หรือ ALSQ ได้มากขึ้น โดยตั้งเป้ารวมอย่างน้อย 30-40 แห่งทั่วประเทศ

“คาดว่าโครงการนี้จะได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน และน่าจะช่วยฟื้นฟููธุรกิจสนามกอล์ฟกว่า 238 แห่ง รวม 5,000 ห้องในไทยได้เป็นอย่างดี”

เร่งเขย่า “เราเที่ยวด้วยกัน”

นายพิพัฒน์กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการเสนอปรับปรุงเงื่อนไขโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่ประชุม ครม.สัญจร เมื่อวันที่ 2-3 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นทางกระทรวงได้รับหลักการหลายข้อ เช่น สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักเพิ่มเป็น 50% ในการเข้าพักช่วงระหว่างวันจันทร์-พฤหัสบดี

ข้อเสนอให้ขยายประเภทธุรกิจในสิทธิประโยชน์คูปองให้ครอบคลุมธุรกิจสปา บริษัทนำเที่ยว และรถเช่า ขยายสิทธิประโยชน์เงินคืนค่าเครื่องบินให้กับนักท่องเที่ยวที่ขับรถยนต์ โดยได้รับเงินคืนค่าน้ำมัน 40% สูงสุด 2,000 บาท ฯลฯ

และข้อเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวสูงอายุวันธรรมดาของสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศ (สทน.) ที่จะกันงบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ศบศ.ในสัปดาห์นี้

หนุนเอกชนดึงนักเที่ยวขาประจำ

สำหรับแนวทางเปิดประเทศในรูปแบบ STV นั้น นายพิพัฒน์กล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ยังไม่เห็นรายชื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มเติมเนื่องจากการกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้งของประเทศในยุโรป สแกนดิเนเวีย แต่ระหว่างนี้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นกลุ่มเกษียณอายุที่ต้องการเดินทางมาด้วยวีซ่า nonimmigrant visa “O-A” 1 กลุ่ม

“ททท.เตรียมเสนอให้ผู้ประกอบการชักชวนนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกค้าประจำเข้ามาท่องเที่ยวไทยโดยตรง และส่งต่อให้ ททท.ช่วยดำเนินการด้านวีซ่าต่อไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีนี้ยากที่จะผลักดันนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ถึง 7 ล้านคน และใน 2 เดือนนี้ก็ยากที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาทะลุ 2,000 คนด้วย” นายพิพัฒน์กล่าว