เที่ยวในประเทศพลิกฟื้น “แอร์เอเชีย” รายได้Q3/63 ขยับ 8% จากไตรมาส2

แอร์เอเชีย

“แอร์เอเชีย” เผยท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มพลิกฟื้น สายการบินกลับมาให้บริการเส้นทางบินในประเทศแล้ว 96% ของปริมาณที่นั่งก่อนโควิด-19 ดันผลกระทบการไตรมาส3/63 ขยับเพิ่ม 8% จากไตรมาสก่อน แต่ยังขาดทุนอยู่ 1,8 พันล้านบาท เดินหน้าเปิดเส้นทางบินใหม่ต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปีนี้

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ในไตรมาส 3/2563 เราเริ่มได้รับสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะเส้นทางภายในประเทศ ที่ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ กำหนดนโยบายและอัดแคมเปญกระตุ้นการเดินทาง ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชียเริ่มเพิ่มความถี่เที่ยวบินและเปิดให้บริการเส้นทางใหม่ๆ ในเดือนกันยายน 2563 โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียได้กลับมาให้บริการเส้นทางในประเทศคิดเป็นร้อยละ 96 ของปริมาณที่นั่งก่อนการแพร่ระบาด Covid-19

“ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาเราเดินหน้าในการเปิดฐานปฏิบัติการบินใหม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ไทยแอร์เอเชีย เป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการบินสะดวกเลือกได้ที่กรุงเทพฯ ใน 2 สนามบิน เสริมทัพจากสนามบินดอนเมือง เเละถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมทั้งเตรียมความพร้อม เมื่อมีนโยบายเปิดประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ สามารถกลับมาให้บริการได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมต่อทั้งกับผู้โดยสารเเละด้านการขนส่งสินค้า ที่สนามบินสุวรรณภูมิต่อไป” นายสันติสุขกล่าว

นายสันติสุขกล่าวด้วยว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 มีรายได้รวม 2,403.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาส 2 หรือลดลงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการปรับปริมาณที่นั่งให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงกว่าร้อยละ 50 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการควบคุมค่าใช้จ่ายเข้มงวด

อย่างไรก็ตามมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปี 2563 มีการขาดทุนอยู่ที่ 1,836.8 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนขั้นต้นของไตรมาสนี้ฟื้นตัวจากไตรมาสที่แล้ว หนุนจากปริมาณที่นั่งภายในประเทศที่กลับมาให้บริการเกือบจะเท่าก่อนการเเพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
“การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่งผลให้สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากกว่า 1.86 ล้านคน โดยมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 65 พร้อมทั้งเปิดฐานปฏิบัติการบินใหม่ที่ สนามบินสุวรรณภูมิในเดือนกันยายน สร้างโอกาสขยายฐานลูกค้า รวมถึงการให้บริการขนส่งสินค้า รักษาความเป็นผู้นำตลาดในประเทศที่เเข็งเเกร่งขึ้น” นายสันติสุขกล่าว

อย่างไรก็ตาม มองว่าในไตรมาส 4 นี้ปริมาณที่นั่งเส้นทางบินภายในประเทศจะเติบโตมากกว่าก่อนการแพร่ระบาด Covid-19 เป็นผลจากการเปิดฐานปฏิบัติการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเพิ่มเส้นทางการบินในประเทศและความถี่ให้มีมากยิ่งขึ้นสอดคล้องกับปริมาณความต้องการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นนั้น อีกทั้งไตรมาสที่ 4 นั้น เข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว การเดินทางมีเเนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการที่รัฐบาลขยายเวลาโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ปี 2564

รวมถึงการเริ่มมีนโยบายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในโครงการ Special Tourist Visa (STV) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพำนักและท่องเที่ยวในประเทศไทยระยะยาว โดยมองว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวดังกล่าวถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และพร้อมตอบรับกับมาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ รัฐบาลประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นจาก 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร จนถึง 30 เมษายน ปี 2564 เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการสายการบิน


นายสันติสุขกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า แอร์เอเชียยังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง มีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นมากกว่าสายการบิน โดยล่าสุดได้เปิดตัวสุดยอดแอปพลิเคชั่นของอาเซียน airasia.com ที่จะเข้ามาสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตอบสนองทุกไลฟสไตล์ ครอบคลุมทั้งการเดินทาง ธุรกิจอีคอมเมิร์ช และฟินเทค ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเสถียรภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืน