โรงแรมจี้รัฐพยุงสภาพคล่อง วอนเร่ง “เปิดประเทศ” ก่อนธุรกิจล้มตาย

17กลุ่มทุนโรงแรมร้องรัฐช่วยพยุงสภาพคล่อง เดินหน้านโยบายการคลัง เปิดประกันหนี้-อุ้มหุ้นกู้ ขยายเวลาลดเงินประกันสังคม-ภาษีสิ่งปลูกสร้าง ชงแนวทางโคเพย์เงินเดือนลูกจ้างพยุงการจ้างงาน ยันอัตราเข้าพักเฉลี่ยยังไม่ขยับ ย้ำหากรัฐยังไม่เปิดประเทศธุรกิจล้มตายเพียบแน่

จากกรณีที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดให้มีการประชุมหารือกับผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่และขนาดกลางรวมกว่า 10 บริษัทใหญ่ รวมถึงสมาคมโรงแรมไทย เพื่อระดมความคิดเห็นและหาแนวทางในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หลังวิกฤตการณ์โควิด-19 เมื่อ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

วอนพยุงสภาพคล่องธุรกิจ

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาธุรกิจโรงแรมประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก ขณะที่กลุ่มธุรกิจการคลังมีสภาพคล่องล้นจากการนำเงินเข้าฝากและการเลี่ยงปล่อยกู้หนีความเสี่ยง จึงขอเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนนโยบายทางด้านการคลังเพื่อพยุงผู้ประกอบการ

โดยเปิดให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถประกันเงินกู้กับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเงินทุน

สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ช่วยผ่อนคลายระเบียบและเวลาการชำระหุ้นกู้ที่หลายบริษัทใกล้ถึงกำหนดชำระ รวมถึงให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้สายการบิน เพื่อให้สายการบินที่เป็นต้นทางนำนักท่องเที่ยวให้เดินทางภายในประเทศสามารถอยู่รอดได้ด้วย

เร่งตั้งกองทุนพยุงท่องเที่ยว

นอกจากนั้น ยังสนับสนุนให้กระทรวงเดินหน้านโยบายตั้งกองทุน เพื่อรองรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่พักที่ผู้ประกอบการไม่สามารถพยุงกิจการเอาไว้ได้ โดย
ให้นำกิจการมาฝากเข้ากับกองทุน พร้อมระบุระยะเวลาซื้อคืนได้เมื่อสามารถฟื้นฟูกิจการได้

รวมทั้งให้ภาครัฐนำแนวคิดเหลื่อมเวลาทำงาน นำร่องให้ข้าราชการเลือกวันทำงานเองได้ เพื่อลดการกระจุกตัวเดินทางท่องเที่ยวในวันเสาร์และอาทิตย์ และเตรียมพร้อมระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ให้เชื่อมต่ออัตโนมัติกับใบอนุญาตเข้าประเทศ เพื่อทำแทรเวลบับเบิลต่อไปในอนาคต

วอนรัฐเปิดประเทศ

ขณะที่นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมากลุ่มบริษัทขาดทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เป็นตัวเลขในไทยกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท โดยกลุ่มพยายามช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด ทั้งการเปิดระดมทุน การออกบอนด์ หุ้นกู้ ฯลฯ จนสามารถผลักดันให้บริษัทผ่านปีนี้ไปได้

“หากรัฐบาลยังไม่มีการเปิดประเทศอย่างมีนัยสำคัญเร็ว ๆ นี้ก็ยากที่บริษัทจะสามารถดำเนินการต่อได้ตามปกติ จึงขอให้ภาครัฐพิจารณาการเปิดประเทศ แบบแทรเวลบับเบิล รวมถึงการลดวันกักตัว รวมถึงหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการเพิ่มเติมให้สามารถรักษาการจ้างงานไว้ได้”

อัตราเข้าพักไม่ขยับ

นายภาคภูมิ ประพาสวุฒิ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารธุรกิจโรงแรม บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในขณะที่ไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 ก่อนประเทศอื่น ๆ แต่กลับมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยชะงักอยู่ราว 20% และในต่างจังหวัดมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่แค่ราว 5-10% เท่านั้น

ขณะที่ในจีนมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 50-60% ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิตาลี มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยถึง 30-40% แล้ว จึงน่าจะถึงเวลาแล้วที่ไทยควรทำให้โควิด-19 เป็นเรื่องปกติ เป็นโรคโรคหนึ่งที่ตรวจพบและรักษาได้ เพื่อให้คนไทยเรียนรู้และเลิกหวาดกลัว

“การที่เราไม่รู้แนวทางการดำเนินการตอนนี้และขาดความชัดเจน ทั้งเรื่องมาตรการต่าง ๆ และการเปิดประเทศของรัฐทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถวางแผนได้ ว่าจะเดินอย่างไรต่อไป จะเอาคนออก รับคนเพิ่ม ลงทุนต่อหรือหยุดลงทุนก็ตอบไม่ได้”

ขอโคเพย์เงินเดือน 50%

ด้านนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทยและรองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มโรงแรมในเครือสุโกศล กล่าวว่า ได้เสนอให้ภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมใน 3 ข้อหลัก ประกอบด้วย

1.ช่วยจ่ายเงินเดือนพนักงาน 50% เพื่อพยุงการจ้างงานไว้

2.ขยายระยะเวลาลดเงินสมทบประกันสังคมเหลือ 2% ต่อไป จากที่จะสิ้นสุดในช่วงปลายปี 2563

3.ช่วยลดหรือขยายเวลาชำระภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไป

ลดหย่อนภาษี 2 เท่าดึงกลุ่มบน

ขณะที่นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเซ็นเตอร์ พอยต์ และแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ และนายพันธุ์พัฒน์ กัลยา ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดด้านธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมชาเทรียม แอนด์ เรซิเดนซ์ เสนอให้กระทรวงช่วยพิจารณาเรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2-3 เท่าให้กับนักท่องเที่ยวใน 6 เดือนแรกของปี 2564

พร้อมทั้งเพิ่มวันหยุดเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว อาทิ กลุ่มผู้บริหารระดับสูงและกลางกลุ่มผู้เกษียณอายุออกมาท่องเที่ยวมากขึ้น