“สธ.” ชง 2 เงื่อนไขรับนักท่องเที่ยว ปลดล็อกกักตัวคู่ขนานฉีดวัคซีน

นักท่องเที่ยว
Romeo GACAD / AFP

สธ.เตรียมรับต่างชาติคู่ขนานฉีดวัคซีน ผนึกแอป Go Thailand-Dr.Link ปลดล็อกกักตัว 14 วันตามข้อเรียกร้องนักธุรกิจ นัดถก “ททท.-ตม.-กต.-มหาดไทย” หาข้อสรุปชง “บิ๊กตู่” เปิดประเทศ 2 รูปแบบ “ควอรันทีน แอท โฮม-โมบาย ควอรันทีน” กักตัวจากประเทศต้นทาง-ส่งทีมประกบนักท่องเที่ยวตามโปรแกรม เร่งเปิดด่านชายแดน ตั้งเป้ารับต่างชาติ 1 เม.ย.นี้

แหล่งข่าวในภาคธุรกิจท่องเที่ยวรายหนึ่ง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)

รวมถึงสมาคมโรงแรมไทย (THA) ได้พยายามผลักดันและหาแนวทางที่จะดึงชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาเที่ยวไทย โดยให้มีพาสปอร์ตวัคซีนเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วให้สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว

ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการประชุมหารือร่วมกับหลายหน่วยงานในสังกัด อาทิ กรมควบคุมโรค กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ผู้ประสานงาน ศบค. ผู้พัฒนาไอที ฯลฯ และผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นติดตามนักท่องเที่ยว Go Thailand และ Dr.Link โดยมีข้อสรุปว่าจะนำเสนอให้นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) พิจารณาเห็นชอบหลักการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 2 รูปแบบ ควบคู่ไปพร้อม ๆ กับนโยบายการฉีดวัคซีน

ได้แก่ 1.quarantine at home คือ รูปแบบการกักตัว 14 วันที่ประเทศต้นทาง เมื่อเข้ามาประเทศไทยจะมีการตรวจโควิดอีกครั้ง และกักตัวต่ออีก 2 คืน 3 วันในประเทศไทย และ 2.รูปแบบ mobile quarantine โดยให้ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาสามารถท่องเที่ยวได้ตามโปรแกรม โดยมีเจ้าหน้าที่ของ สธ.และตัวแทนของหน่วยงานที่ ททท.มอบหมายเดินทางไปดูแลนักท่องเที่ยวตามโปรแกรม หรือจะเป็นรูปแบบของ DMC ซึ่งเป็นบริษัททัวร์หรือผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวร่วมเดินทางไปดูแลเป็นกรณีพิเศษ

“ไทม์ไลน์คือ สธ.เตรียมนัดหารือร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศ และ ททท. ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นสัปดาห์ปลายเดือนจะเป็นการประชุมร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอที่ประชุมบอร์ด ททท.หากทุกคนเห็นชอบ จากนั้นเรื่องก็จะไปเข้าที่ประชุม ศบค. และที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบและหาข้อสรุปต่อไป” แหล่งข่าวกล่าวและว่า

เชื่อมั่นว่าครั้งนี้ระบบของแอปพลิเคชั่น Go Thailand และ Dr.Link จะสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมดแล้ว และน่าจะถึงเวลาสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปแล้ว

คาดว่ากระบวนการพิจารณาน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ และน่าจะเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2564 นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ สธ.ยังเชื่อว่าการเปิดต่างชาติทั้ง 2 รูปแบบดังกล่าวนี้ นอกจากจะเป็นผลต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว ยังสามารถช่วยทำให้เกิดการค้าขายชายแดนและการเดินทางระหว่างประเทศอีกด้วย

“ดร.โสดากิตติ์ วงศ์โกมลเชษฐ์” กรรมการผู้จัดการและเจ้าของ บริษัท โก แบงคอก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น gothailand.online และ Dr.Link กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า Go Thailand เป็นแอปพลิเคชั่นหรือแทรเวลแพลตฟอร์ม เพื่อติดตามตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีความโดดเด่นในเรื่องการยืนยันอัตลักษณ์ตัวบุคคลที่ใช้ไบโอเมตริกมาเป็นระบบตรวจสอบ และเป็นระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลภาครัฐ การติดตามและบันทึกเส้นทางของชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ระบบของ Dr.Link ซึ่งเป็นมินิแอปพลิเคชั่นของ Go Thailand ยังเชื่อมโยงศูนย์ทดสอบและให้วัคซีนโรคโควิด-19 ทั่วโลก และสามารถยืนยันผลการทดสอบและการให้วัคซีนมาจากแหล่งข้อมูลสาธารณสุขที่รับรองโดยกระทรวงสาธารณสุขของประเทศต่าง ๆ

รวมทั้งเชื่อมต่อกับระบบการให้บริการของสายการบินและสนามบินต่าง ๆ เพื่อการออกตั๋วโดยสารโดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจเอกสาร เป็นระบบที่สะดวกและปลอดภัย และลดความยุ่งยากในการเดินทางเข้าประเทศไทยด้วย

“เราได้ขึ้นระบบของ gothailand.online ไปแล้วเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของ Dr.Link ซึ่งเราเรียกว่า health e-Visa รูปแบบจะเป็นเหมือนวัคซีนพาสปอร์ต ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งผลการตรวจวัคซีนของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ระบบของทั้ง 2 ส่วนนี้จะสามารถเปิดรองรับการเดินทางของชาวต่างชาติได้เต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 นี้เป็นต้นไป ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการส่งให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาออกประกาศต่อไป” ดร.โสดากิตติ์กล่าว

ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเริ่มทยอยกลับมาได้บ้างในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงซัมเมอร์ของภูมิภาคอเมริกา, ยุโรป ซึ่งปกติจะมีนักท่องเที่ยวระยะไกลเดินทางเข้ามาในปริมาณที่มากพอสมควร

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานต่างประเทศทั้ง 29 แห่งของ ททท. พบว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความต้องการที่จะออกเดินทางออกนอกประเทศแล้ว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน หรือมีรายได้จากตลาดต่างประเทศราว 5 แสนล้านบาท

ขณะที่ นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ผู้ดูแลตลาดนักท่องเที่ยวขาเข้า หรืออินบาวนด์กล่าวว่า วัคซีนคือความหวังของภาคธุรกิจท่องเที่ยวในปีนี้


“ตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนโควิดกันแล้ว โดยคาดการณ์กันว่า ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ทั่วโลกจะมีคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ล้านคน และไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านคนภายในไตรมาส 2 คนจำนวนดังกล่าวนี้เป็นกลุ่มที่พร้อมจะออกเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศแล้ว และมั่นใจว่าหากรัฐดำเนินงานตามแนวทางนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรก ๆ จะเข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 3 นี้” นายวิชิตกล่าว