ททท.เฟ้นโปรดักต์ใหม่ คิกออฟ “ไทยเที่ยวไทย” (อีกครั้ง)

นักท่องเที่ยว
สัมภาษณ์

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่นี้ได้ส่งผลกระทบและซ้ำเติมภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างหนัก โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ ไทยเที่ยวไทยที่มาสะดุดอีกครั้ง ท่ามกลางแนวโน้มที่กำลังดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากรัฐบาลประกาศเดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” มาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2563

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงทิศทางการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว รวมถึงแนวทางการทำการตลาดท่องเที่ยวของ ททท. หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่เริ่มคลี่คลาย ไว้ดังนี้

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

คิกออฟ มี.ค.-เม.ย.นี้

“ฐาปนีย์” บอกว่า ททท.ได้ชะลอการทำการตลาดส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไประยะหนึ่งในช่วงที่มีการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ หรือในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 เพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาด ทำให้บางโครงการของ ททท.ต้องหยุดไป แต่ ณ ขณะนี้ ททท.มีแผนเริ่มกลับมาปลุกบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในประเทศกันอีกครั้ง นับตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายนนี้เป็นต้นไป

โดยได้ทยอยคิกออฟด้วยกิจกรรม “ปั่นวันรัก รักษ์ทะเลน้อย @ พัทลุง” รับวาเลนไทน์ เมื่อวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามด้วยกิจกรรม “โสดสายแซ่บ Secret Island เกาะลับไม่ห่างรัก” ณ เกาะไข่ จ.พังงา ภายใต้โครงการเส้นทางคนโสด Single Journey คนเดียวก็เที่ยวได้ เส้นทางที่ 2 จากจำนวน 9 เส้นทางคนโสดที่ได้วางแผนไว้

จากนั้นจะต่อเส้นทางที่ 3 คือ “โสดสายชิลล์ Secret Rooftop กลางทะเลพัทยา” ล่องเรือดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกชิล ๆ กลางทะเลพัทยา ณ แหลมบาลีฮาย จังหวัดชลบุรี ใน
วันที่ 6 มีนาคม 2564 นี้

“ตอนนี้เราจะประเมินสถานการณ์ว่าสถานที่ไหน แหล่งท่องเที่ยวไหน ที่มีความพร้อมในเรื่องของมาตรฐานและมาตรการด้านความปลอดภัย แล้วเราจะเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไป เพื่อเดินหน้ากระตุ้นกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เราเผชิญกับการแพร่ระบาดรอบใหม่”

เฟ้นโปรดักต์ใหม่กระตุ้น

ทั้งนี้ ททท.จะมุ่งนำเสนอโปรดักต์ใหม่ ๆ ที่โดนใจ โดยดูว่าตลาดในประเทศมีอะไรที่เป็นจุดขาย และสร้างความ wow ให้คนอยากเดินทางท่องเที่ยว รวมถึงเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

โดยในปี 2564 นี้จะโฟกัสใน 5 กลุ่มหลัก ๆ ประกอบด้วย

1.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (health and wellness) เพื่อตอบโจทย์เรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

2.การท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์และการสร้างประสบการณ์ใหม่ หรือ luxury and experience เช่น การท่องเที่ยวโดยเรือยอชต์ เป็นต้น

3.การท่องเที่ยวที่เป็นความสนใจพิเศษ (special interest) เช่น เส้นทางคนโสด เส้นทางสายศรัทธา ฯลฯ

4.การท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือ gastronomy tourism และ

5.การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (sport tourism)

“ไทยเที่ยวไทย” คือความหวัง

พร้อมย้ำว่า สำหรับปี 2564 นี้ ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย (domestic tourism) ยังคงเป็นตลาดหลักและเป็นความหวังสำคัญของภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศ โดย ททท.จะทำงานร่วมกับภาคเอกชนผ่านสมาคมท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมถึงสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)

ทั้งในรูปแบบการทดลองทำเส้นทางท่องเที่ยวนำร่องเพื่อสร้างกระแส แล้วให้เอกชนนำไปขายต่อ และให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ กับสมาคมท่องเที่ยวทุกสมาคม โดยมี ททท.ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศคอยให้การสนับสนุนต่อเนื่อง

ยกตัวอย่าง เช่น เส้นทางคนโสด ซึ่งตามแผนงาน ททท.จัดโปรแกรมนำร่อง 3 เส้นทางแรก คือ

1.เส้นทาง “โสดสายมู ล่องเรือ ไหว้พระ หารัก” ที่จัดไปแล้วเมื่อ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา

2.เส้นทาง “โสดสายแซ่บ Secret Island เกาะลับไม่ห่างรัก” ณ เกาะไข่ จ.พังงา เมื่อ 20-21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

และ 3.เส้นทาง “โสดสายชิลล์ Secret Rooftop กลางทะเลพัทยา” ล่องเรือดินเนอร์ ชมพระอาทิตย์ตกชิล ๆ กลางทะเลพัทยา ณ แหลมบาลีฮาย ชลบุรี ในวันที่ 6 มีนาคม 2564 นี้

ททท.นำร่อง-เอกชนขายต่อ

“ฐาปนีย์” บอกว่า หลังจาก ททท.นำร่องจัดไปแล้ว 2 กิจกรรม พบว่า กระแสเริ่มมาแล้ว และทางผู้ประกอบการเอกชนก็ได้วางโปรแกรมการขายและดีไซน์เส้นทางท่องเที่ยวสำหรับคนโสดออกมาอีก 12 เส้นทาง สำหรับรองรับกระแสของคนที่ชื่นชอบการเที่ยวคนเดียว หรือ solo traveler ภายใต้แคมเปญ “ทัวร์คนโสด”

โดยคอนเซ็ปต์ของทัวร์คนโสดจะขยายสเกลและครอบคลุมกว้างยิ่งขึ้น โดยที่ภาคเอกชนได้ดีไซน์ออกมาแล้วนั้นมีการใส่ลูกเล่นหรือกิมมิกทางการตลาดออกมาจำนวนมาก พร้อมทั้งนำเอากิมมิกของเส้นทางพลังศรัทธา “ศรัทธานำทาง เส้นทางนำเที่ยว” เข้ามาผนวกเข้าด้วยกัน ทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ และเป็นเส้นทางความรักแบบหลากหลายมิติ

“คือจะไม่ขายเพียงแค่เส้นทางคนโสดอย่างเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่าง เช่น ขายสตอรี่เส้นทางคนโสดที่ทำให้มีความรู้สึกว่าศรัทธาและนำไปสู่ความรักหรือทำให้ความรักเกิดความมั่นคง หรือเที่ยวเสริมรัก ฯลฯ หรือใส่สตอรี่ของสถานที่นั้น ๆ เข้าไป เช่น เชียงคาน ไม่ขึ้นคาน ที่ อ.เชียงคาน เป็นต้น เป็นเรื่องของการขายคอนเทนต์สตอรี่ หรือที่เรียกกันว่า marketing destination ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะมีเยอะมาก”

ตอบโจทย์ BCG-ท่องเที่ยวสีขาว

นอกจากนี้ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังมีแนวทางให้ ททท.ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผนวกพลังหนุนเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงกีฬาให้มากยิ่งขึ้น และใส่มิติของการกีฬาเข้าไปในกิจกรรมการท่องเที่ยว

โดยที่ได้เปิดตัวไปแล้วคือ การจัดกิจกรรมอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ภูเก็ต เซิร์ฟสเก็ต 2021 (Amazing Thailand Phuket SurfSkate 2021) ซึ่งเป็นความร่วมมือของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การสนับสนุนของ ททท., องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, เทศบาลนครภูเก็ต และสนามกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทยที่ภูเก็ต เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“ฐาปนีย์” ยังทิ้งท้ายด้วยว่า แนวทางการดำเนินงานทั้งหมด ทั้งหลายทั้งปวงนี้จะอยู่ภายใต้ umbrella ใหญ่ คือ responsible tourism หรือการท่องเที่ยวแบบมีความรับผิดชอบและยั่งยืน เพื่อให้ตอบโจทย์เรื่อง BCG ของรัฐบาล ประกอบด้วย bioeconomy, circular economy และ green economy ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ

รวมทั้งยังช่วยเสริมในเรื่อง white tourism หรือการท่องเที่ยวสีขาว สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม และทำให้นักท่องเที่ยวมีความสุขใจ และประทับใจรับวิถีใหม่หลังโควิด-19