ททท.กระตุ้นตลาดอินบาวนด์ หนุนแอร์ไลน์เปิดบินเมืองรองสู่เมืองรอง

ททท.หนุน “แอร์ไลน์ไทย” เปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศ จาก “เมืองรอง” สู่ “เมืองรอง” หวังกระตุ้นตลาดอินบาวนด์ หลัง ICAO ปลดธงแดงประเทศไทย พร้อมขนเอเย่นต์กว่า 300 รายจากทั่วโลกพาเหรดเจรจาธุรกิจ-ร่วมพิธีเปิด “อะเมซิ่งไทยแลนด์ทัวริซึ่มเยียร์ 2018” อย่างเป็นทางการ 15 พ.ย.นี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนสายการบินในไทย เกี่ยวกับแผนกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวขาเข้า (อินบาวนด์) เพื่อให้ชาวต่างชาติเห็นถึงศักยภาพด้านการบินของไทย หลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ประกาศปลดธงแดงแก่มาตรฐานการบินพลเรือนของประเทศไทยอย่างเป็นทางการไป เรียบร้อยแล้ว

หนุนเปิดเส้นทางบินเมืองรอง

โดย ททท.ได้แนะนำเส้นทางบินที่มีศักยภาพที่สายการบินควรเข้าไปขยายตลาด โดยเฉพาะเส้นทางจากเมืองรองของประเทศต่าง ๆ สู่เมืองรองของประเทศไทย ซึ่ง ททท.พร้อมสนับสนุนด้านการทำตลาดและโปรโมตอย่างเต็มที่

นางสาวรัญจวน ทองรุต ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่อยากให้สายการบินของไทยเปิดเส้นทางบินตรงจากเมืองรองสู่ เมืองรองมากขึ้น เนื่องจากประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามมีเที่ยวบิน จากเมืองรองในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เข้าเมืองรองของเวียดนามจำนวนมาก ททท.จึงอยากให้สายการบินของไทยเปิดเส้นทางใหม่จาก 2 ตลาดหลักนี้มากขึ้น อาทิ จากเมืองปูซาน และเมืองเจจู ของเกาหลีใต้ บินตรงสู่ภูเก็ต กระบี่ และเชียงใหม่ ส่วนญี่ปุ่นอยากให้เปิดเส้นทางบินตรงจากเมืองรองสู่กระบี่ เชียงราย เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อรองรับพฤติกรรมการเดินทางของชาวญี่ปุ่นซึ่งชื่นชอบความสะดวกสบายจาก บริการบินตรง ประกอบกับชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เคยไปเที่ยวกรุงเทพฯกับภูเก็ตมาแล้ว

รุกขายเอเย่นต์ทั่วโลก

นางสาว รัญจวนกล่าวเพิ่มเติมว่า ททท.เตรียมจัดงาน เมกะแฟมเทรดมีต (Mega Fam Trade Meet) ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2560 เพื่อนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวไทยใหม่ ๆ แก่ตัวแทนบริษัทนำเที่ยวทั่วโลก ราว 250-300 ราย มาพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ภายใต้แคมเปญ “โอเพ่นทูเดอะนิวเฉดออฟไทยแลนด์” เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาสำรวจสีสันใหม่ ๆ ของประเทศไทย พร้อมทั้งนำตัวแทนบริษัทนำเที่ยวเข้าร่วมพิธีเปิด ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน (อะเมซิ่งไทยแลนด์ทัวริซึ่มเยียร์ 2018) อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้

สำหรับกลยุทธ์ของแต่ละตลาด นั้น ททท.จะเลือกโปรโมตพื้นที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น สำหรับตลาดยุโรปและอเมริกากว่า 100 ราย จะพาสัมผัสสินค้าท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ส่วนตลาดเอเชีย เช่น จีน เตรียมพาตัวแทนบริษัทนำเที่ยว 50 ราย ไปเกาะช้าง จังหวัดตราด ขณะที่ญี่ปุ่น ได้เตรียมพาตัวแทน 20 ราย ไปจังหวัดกระบี่

ทั้งนี้ ททท.เตรียมเสนอข้อมูลการตลาดเชิงลึก (มาร์เก็ตอินไซต์) แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ทั้งทริปและเทคนิคเพื่อเตรียมความพร้อมด้านซัพพลายไซด์ให้แก่ตลาดมากที่สุด

เพิ่มน้ำหนักตลาดอาเซียน

ด้าน นายสันติ ชุดินธรา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวเสริมว่า ได้เตรียมให้ความสำคัญกับการทำตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น เพื่อการกระจาย ความเสี่ยง ไม่ให้พึ่งพาตลาดจีนมากเกินไป โดยจะมุ่งเน้น 4 ประเทศหลัก ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา ซึ่งมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีพื้นฐานนักท่องเที่ยวพร้อมเดินทางไปต่างประเทศสูง

“แม้ว่าทั้ง อาเซียนและจีนจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยเท่ากันราว 9.5 ล้านคนในปี 2560 โดยคาดการณ์รายได้รวมของตลาดนักท่องเที่ยวอาเซียนปีนี้ว่าน่าจะปิดที่ 2.8 แสนล้านบาท ยังเป็นรองตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้สูงกว่า 5 แสนล้านบาท แต่ ททท.ก็ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้รวมของตลาดนักท่องเที่ยวอาเซียนในปี 2561 ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีนี้” นายสันติกล่าว

โฟกัส 4 ตลาดใหญ่

นายสันติกล่าวด้วยว่า สำหรับ 4 ตลาดหลักศักยภาพสูงของอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีฐานประชากรมาก และมีความหลากหลายทั้งกลุ่มเชื้อสายจีนและมุสลิม แต่ที่ผ่านมาไทยยังเสียโอกาสมาก เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเข้าไปได้ กว่า 2.89 ล้านคนในปีที่ผ่านมา

โดย ททท.ตั้งเป้านำนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเข้ามาเที่ยวไทยในปีนี้ 6.08 แสนคน หลังจาก 9 เดือนแรกอยู่ที่ 4.32 แสนคนแล้ว

ขณะที่ฟิลิปปินส์นั้นได้เริ่มมีความต้องการท่องเที่ยวซึ่งขยายตัวดี โดยในเดือนธันวาคมนี้ สายการบินฟิลิปปินส์ แอร์ไลนส์ ได้เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ “เซบู-กรุงเทพฯ” ทำให้นักท่องเที่ยว ไม่ต้องแวะต่อเที่ยวบินที่มะนิลาเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสะดวกและโอกาสในการเดินทางมากขึ้น ซึ่ง ททท.ตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีชาวฟิลิปปินส์มาไทยจำนวน 3.55 แสนคน เพิ่มขึ้น 9.6%

สำหรับตลาดเมียนมา ททท.จะเน้นกลุ่มกำลังซื้อสูงให้มาใช้จ่ายในไทยเฉลี่ยที่ราว 4.1 หมื่นบาท/คน/ทริป หรือติดกลุ่มสูงสุดประเทศหนึ่งในอาเซียน ผ่านการโปรโมตตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (เมดิคอลทัวริซึ่ม), ช็อปปิ้ง และกลุ่มข้าราชการ ที่สามารถเลือกไทยเป็นจุดหมายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

“ที่ผ่านมาเราเห็นแนวโน้มตลาดดีมาก เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวกำลังเป็นที่นิยม อุตสาหกรรมขยายตัวสูง และเมียนมา เพิ่งจัดงาน อินเตอร์เนชั่นแนลทัวริซึ่มเอ็กซ์โป ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายด้านท่องเที่ยวเป็นครั้งแรกของประเทศ และมีไทยเป็น 1 ใน 9 ประเทศที่ร่วมออกบูท และเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ททท.ได้นำผู้ประกอบการออกโรดโชว์ที่ย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์เพื่อกระตุ้นตลาดแล้ว” นายสันติกล่าว

ส่วนตลาดเวียดนาม นายสันติกล่าวว่า มีเป้าหมายผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวให้ถึง 1 ล้านคนในปี 2561 ให้ได้ เติบโตจากที่คาดว่าจะสูงถึง 9.6 แสนคนในปีนี้ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงเนื่องจากมีสายการบินให้บริการเส้นทางเชื่อมต่อ เมืองรองของเวียดนาม กระจายจากเมืองหลักที่เป็นจุดหมายดั้งเดิมอย่างฮานอยและโฮจิมินห์ซิตีมาก ขึ้นด้วย