ททท.ยืนเป้า 1.2 ล้านล้าน (ยัน) เปิดประเทศ 1 ก.ค. ตามไทม์ไลน์

ยุทธศักดิ์ สุภสร
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สัมภาษณ์

ความหวังของคนในภาคธุรกิจท่องเที่ยวพังทลายลงอีกครั้งทันทีที่เห็นข่าวการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งเกิดจาก “คลัสเตอร์บันเทิง” ย่านดังกลางกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายพื้นที่

ว่ากันว่า การแพร่ระบาดรอบนี้เลวร้ายกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมาทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการแพร่เชื้อที่เร็วขึ้น รับมือยากขึ้น ที่สำคัญคนที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการ สถานการณ์จึงรอวันปะทุที่รุนแรงขึ้นในทุกวัน พร้อมทั้งวิตกกันว่ามาตรการของรัฐที่ออกมาควบคุมจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม และภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่กระทบหนักกันมาแล้วกว่า 1 ปี จะยากลำบากมากยิ่งขึ้น

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงการคาดการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้น แผนการรับมือ รวมถึงนโยบายขับเคลื่อนการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศสำหรับปีนี้ ไว้ดังนี้

ยันคนไทยยัง “เดินทาง-เที่ยว”

“ยุทธศักดิ์” บอกว่า ในเบื้องต้นนี้ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ระลอก 3 ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยน่าจะมีสัดส่วนการยกเลิกการเดินทางประมาณ 20% ขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มที่ยังเดินทางท่องเที่ยวตามแผนเดิมอยู่ โดยได้เพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการดูแลตัวเองและเดินทางภายใต้มาตรการของสาธารณสุขในสัดส่วนประมาณ 30%

ส่วนอีก 50% ที่เหลือนั้นยังคงมีการเดินทางอยู่ แต่เปลี่ยนโลเกชั่นการท่องเที่ยว โดยหันไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ตัวเองรู้สึกว่ามีความปลอดภัยและมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยว หรือพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำ รวมทั้งเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางจากเดินทางระยะไกลโดยเครื่องบินเป็นเที่ยวระยะใกล้ ๆ โดยใช้พาหนะส่วนบุคคลแทน

“วันนี้คนไทยคุ้นเคยกับเรื่องการบริหารและควบคุมโรคระดับหนึ่งแล้ว การหยุดหรือชะลอการเดินทางจึงไม่ได้เป็นการหยุดทั้งองคาพยพ ทำให้ยังคงมีการเดินทางในบางพื้นที่”

ยึดแผนเดิมทั้งในประเทศ-ตปท.

เมื่อถามว่า ททท.ต้องปรับแผนการกระตุ้นตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไรบ้าง เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดในรอบนี้ “ยุทธศักดิ์” ตอบเสียงหนักแน่นว่า ณ ขณะนี้ ททท.ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ตามเดิม ทั้งในส่วนของตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพียงแต่บางส่วน บางแผน อาจมีการขยับเวลาบ้างเท่านั้น

เช่น แผนการกระตุ้นตลาดภายในประเทศ จากเดิมที่มองว่าหลังสงกรานต์จะเริ่มกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน (green season) ตอนนี้ต้องรอประเมินสถานการณ์และดูจังหวะอีกครั้ง เนื่องจากระยะเวลาในการควบคุมโรค คือ 14×2 วัน หรือประมาณ 28 วัน

หากสถานการณ์ดีขึ้น ททท.จะกลับมาโหมทำการตลาดให้มากขึ้นทันที

เปิดประเทศ 1 ก.ค.ตามเดิม

“ยุทธศักดิ์” ยังบอกด้วยว่า ไม่เพียงแค่แผนการตลาดภายในประเทศเท่านั้นที่ยังเดินหน้าต่อตามเดิม แผนสำหรับตลาดต่างประเทศก็คงเดิมทั้งหมด ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ของการเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัว (state quarantine) ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ตามโมเดล Phuket Sandbox

พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ ททท.ได้ทำแผนสำหรับรองรับการเปิดประเทศตามโมเดล Phuket Sandbox ไว้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด หรือ ศบค. ที่ได้มีมติอนุมัติโมเดลเปิดประเทศไปเมื่อ 20 มีนาคม และผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อ 30 มีนาคมที่ผ่านมา

“ตอนนี้เราทำในสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการ เช่น ทำคู่มือการปฏิบัติงาน Standard Operating Procedure : SOP ในด้านต่าง ๆ ภายใต้มาตรฐานการบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้สำหรับการควอรันทีนรูปแบบต่าง ๆ หรือเรื่องรูปแบบของวัคซีนพาสปอร์ต ฯลฯ”

ทั้งหมดนี้ ททท.ต้องทำควบคู่กันไป ส่วนรายละเอียดของแผนงานและเป้าหมายทั้งหมด ศบค. ระบุว่า ให้ ททท.ทำรายละเอียดส่งอีกครั้งภายใน 1 เดือน หลังจาก ครม.อนุมัติ ซึ่งก็คือสิ้นเดือนเมษายนนี้

ยืนเป้ารายได้ 1.2 ล้านล้าน

ผู้ว่าการ ททท.บอกอีกว่า นอกจากแผนงานทุกอย่างที่ยังคงเดิมแล้ว ณ เวลานี้ ททท.ยังคงยืนเป้ารายได้รวมของภาคธุรกิจท่องเที่ยวสำหรับปีนี้ไว้ที่ 1.2 ล้านล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ประกาศไปก่อนหน้านี้

โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้นได้ตั้งเป้าไว้ที่ 3.5 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 3 และ 4 รวมประมาณ 6.5 ล้านคน ที่เหลือจะเป็นรายได้จากตลาดไทยเที่ยวไทย

พร้อมย้ำว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือ นักท่องเที่ยวพรีเมี่ยม ใช้จ่ายสูง หากสามารถทำรายได้ถึงเป้าหมาย 3.5 แสนล้านบาท แต่ได้จำนวนนักท่องเที่ยวสัก 3-4 ล้านคนก็ไม่เป็นไร เพราะเรายึดเป้าหมายรายได้เป็นหลัก