สัมภาษณ์
ท่ามกลางวิกฤตโควิดครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรม ที่พักขนาดใหญ่ที่พักขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่า “โฮสเทล” ซึ่งมีการขยายตัวอย่างมากในช่วง 2-3 ปีก่อนวิกฤตก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มโฮสเทลส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองแทบทั้งหมด
“มร.เอ็ดมันส์ โลว์แมน” ผู้ก่อตั้งสลัมเบอร์ ปาร์ตี้ โฮสเทลส์ (SHG) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คอลเล็คทีฟ ฮอสพิทาลิตี้ (CH) ผู้บริหารโฮสเทลภายใต้แบรนด์ “สลัมเบอร์ ปาร์ตี้” จำนวน 14 แห่ง ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนการขยายการลงทุน ทิศทางธุรกิจ รวมถึงแนวทางการยกระดับมาตรฐานโรงแรม ที่พัก ในกลุ่มโฮสเทลไว้ดังนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
ชิงจังหวะลงทุนช่วงวิกฤต
“เอ็ดมันส์” บอกว่า แม้ว่าทั่วโลกจะยังเผชิญอยู่กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มากว่า 1 ปีแล้ว แต่ยังมั่นใจว่าการท่องเที่ยวของไทยและทั่วโลกยังเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูงและกลับมาได้เร็วหลังจากการแพร่ระบาดยุติลง ด้วยความเชื่อนี้ทำให้กลุ่มคอลเล็คทีฟฮอสพิทาลิตี้ หรือ CH ยังคงเดินหน้าและเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนต่อเนื่อง
โดยในช่วงก่อนวิกฤตโควิด ธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวในประเทศไทยเติบโตเร็วมาก การลงทุนก็สูงมากเช่นกัน ทำให้เป็นเรื่องยากที่แบรนด์ใหม่ หรือคนที่สนใจในธุรกิจโรงแรมจะเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลัก พอโควิดมาทำให้ระบบของธุรกิจรีเซตทุกอย่างใหม่ ทุกคนมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน
“เอ็ดมันส์” บอกว่า จังหวะนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาลงทุนในราคาที่เหมาะสม อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้เจ้าของที่ดินมีเงินหมุนเวียน เรียกว่าเป็นดีลที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายอีกด้วย
“ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราตระเวนหาที่สำหรับการขยายการลงทุน เพราะมั่นใจเต็มร้อยว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมา ตอนนี้เราทำสัญญากับเจ้าของสถานที่เพื่อลงทุนโฮสเทลไปแล้วหลายแห่ง โดยยอมที่จะวางเงินก่อนเปิดธุรกิจ ถามว่ามีความเสี่ยงไหมก็ต้องบอกว่าเสี่ยง แต่เรายอมเพราะได้ที่ดินในราคาที่ดี มีเจ้าของที่จำนวนมากที่อยากขายและอยากให้เช่า ซึ่งเรามองว่าเป็นความเสี่ยงที่อยู่บนพื้นฐานความมั่นใจว่าประเทศไทยจะกลับมาภายใน 2-3 ปีนี้”
เทกโอเวอร์ “โบเดก้า”
โดยเมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา กลุ่ม “คอลเล็คทีฟ ฮอสพิทาลิตี้” โดยสลัมเบอร์ ปาร์ตี้ ได้เข้าเทกโอเวอร์กิจการของ “โบเดก้า โฮสเทล” ซึ่งมีสาขาอยู่รวม 9 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และในเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย และตอบสนองความต้องการที่มีความหลากหลายมากขึ้นของลูกค้า
ปัจจุบันกลุ่มคอลเล็คทีฟ ฮอสพิทาลิตี้ (CH) มีแบรนด์ในเครือข่ายจำนวน 4 แบรนด์ มีจำนวนโรงแรมในเครือข่ายรวม 24 แห่ง แบ่งเป็น สลัมเบอร์ ปาร์ตี้ (Slumber Party) จำนวน 14 แห่ง โบเดก้า (Bodega) จำนวน 9 แห่ง โซเชียลเทล (Socialtel) จำนวน 1 แห่ง และพาธ (Path) อยู่ระหว่างการวางแผนลงทุน
ขึ้นแท่นโฮสเทล No.4 ของโลก
ในจำนวนทั้งหมด 24 แห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศไทยจำนวน 18 แห่ง อาทิ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ปาย (แม่ฮ่องสอน), อ่าวนาง (กระบี่), ภูเก็ต, เกาะพะงัน, เกาะเต่า เป็นต้น บางจังหวัดมีมากกว่า 1 แห่ง ที่เหลือกระจายอยู่ในอีกหลายประเทศ อาทิ กัมพูชา, อินโดนีเซีย เป็นต้น
“ตอนนี้เรามีเตียงบริหารอยู่มากกว่า 2,500 เตียง เป็นผู้ประกอบการโฮสเทลที่มีขนาดธุรกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นลำดับที่ 4 ของโลก ซึ่งกลุ่มบริษัทเรายังมีแผนที่จะขยายธุรกิจออกไปโดยการเข้าซื้อและควบรวมแบรนด์ และวางคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง” เอ็ดมันส์ย้ำ
ตั้งเป้าสิ้นปีขยายเป็น 50 แห่ง
สำหรับแผนงานปีนี้ “เอ็ดมันส์” บอกว่า ตามแผนลงทุนกลุ่มคอลเล็คทีฟ ฮอสพิทาลิตี้ ตั้งเป้ามีโรงแรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศรวมประมาณ 50 แห่ง โดยแบรนด์ที่เป็นหัวหอกสำหรับการขยายธุรกิจคือ สลัมเบอร์ ปาร์ตี้ และโบเดก้า โดยจะรุกลงทุนไปในตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อาทิ เวียดนาม, ศรีลังกา, ฟิลิปปินส์, อินเดีย ฯลฯ และในอีกหลายประเทศในภูมิภาคเซาท์อีสต์เอเชียและเอเชียใต้
“เราจะใช้แบรนด์สลัมเบอร์ ปาร์ตี้ และโบเดก้า ขยายในตลาดต่างประเทศ ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์เป็นที่พักที่จับนักท่องเที่ยวกลุ่มแบ็กแพ็กเกอร์ที่เน้นประสบการณ์ของผู้เข้าพัก ส่วนตลาดในประเทศไทย เราจะโฟกัสการพัฒนาแบรนด์โซเชียลเทล ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของโรงแรมระดับ 4 ดาว ผสมผสานกับรูปแบบโฮสเทล และแบรนด์พาธ ซึ่งเป็นที่พักแบบลักเซอรี่แคมปิ้งระดับ 5 ดาว”
พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับแบรนด์ “โซเชียลเทล” นั้น บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมแห่งแรก ขนาด 129 ห้อง ที่หาดเชวง เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี) คาดว่า จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องประเมินสถานการณ์ที่เหมาะสมด้วย ส่วนแบรนด์ “พาธ” นั้นจะลงทุนในพื้นที่นอกกรุงเทพฯ อาทิ เกาะยาวใหญ่, เกาะยาวน้อย, เกาะพีพี,ทะเลอันดามัน, เขาใหญ่, เชียงราย เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนและเจรจาพื้นที่
ยกระดับมาตรฐาน “โฮสเทล”
“เอ็ดมันส์” ย้ำว่า เวลานี้คือโอกาสท่ามกลางวิกฤต และเป็นการขยายกิจการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ทั้งการขยายกลุ่มลูกค้า และนำความชำนาญในการบริหารธุรกิจโรงแรมของกลุ่มคอลเล็คทีฟ ฮอสพิทาลิตี้ สู่แบรนด์ใหม่ พร้อมทั้งสร้างแบรนด์ที่เป็นมาตรฐานมาบริหาร เพื่อยกระดับมาตรฐานโฮสเทลให้มีบริการที่เป็นมาตรฐานทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลกเช่นเดียวกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำทั่วไป
เนื่องจากที่ผ่านมาโฮสเทลส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น ไม่มีมาตรฐานการรุกของกลุ่มสลัมเบอร์ ปาร์ตี้ ดังกล่าวนี้นับเป็นการเปิดโอกาสให้โฮสเทลโลคอลได้ยกระดับตัวเองด้วยการใช้แบรนด์ที่มีมาตรฐานมาบริหาร
โดยเชื่อว่า รูปแบบและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกหลังโควิดยุติลงจะเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับธุรกิจโฮสเทลที่ต้องเปลี่ยนไปเช่นกันโดยเฉพาะเรื่องการบริการ และความสะอาด ปลอดภัย ที่ต้องขยับสู่มาตรฐานที่เป็นสากลมากขึ้น