“แอตต้า” แนะเร่งฉีดวัคซีน “เมื่อนักท่องเที่ยวมั่นใจเขาจะมาเอง”

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร
ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)
สัมภาษณ์

นับถอยหลังอีกเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นที่ประเทศไทยจะดีเดย์เปิด “ภูเก็ต” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยโดยไม่กักตัวในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวในไตรมาส 3-4 ปีนี้ ไว้ดังนี้

“ศิษฎิวัชร” บอกว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายได้เตรียมพร้อมสำหรับการรองรับนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้แล้ว โดยสมาชิกกว่า 10 รายที่อยู่ในพื้นที่ภูเก็ตได้เริ่มประสานกับคู่ค้าในต่างประเทศไปบ้างแล้ว

โดยสมาชิกส่วนใหญ่มีฐานการทำตลาดทั้งในภูเก็ต, กรุงเทพฯ, พัทยา และเมืองอื่น ๆ ซึ่งนอกจากภูเก็ตแล้วก็คงต้องประเมินดีมานด์ในการเดินทางของนักท่องเที่ยวไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

“ตอนนี้เราลุ้นว่าถ้าเราเปิดภูเก็ตได้ตามแผนก็น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาบ้าง แม้จะยังไม่มากนักแต่ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีในการตั้งรับในไตรมาส 4 หรือช่วงไฮซีซั่นของปี ซึ่งปกติจะเป็นช่วงการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก”

พร้อมทั้งบอกว่า ประเด็นสำคัญในวันนี้ คือ การควบคุมการแพร่ระบาด เพราะสิ่งที่ทุกประเทศจะมองเราใน 2 เรื่อง ได้แก่ 1.จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาด และ 2.ปริมาณหรือสัดส่วนของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วมีมากน้อยแค่ไหน

ส่วนตัวจึงมองว่า ประเด็นการเปิด “ภูเก็ต” รับนักท่องเที่ยวในเดือนกรกฎาคม และในอีก 9 จังหวัดในวันที่ 1 ตุลาคมนี้จะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยข้างบนเป็นหลัก

“วันนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และผู้ว่าการ ททท. บอกว่า มีวัคซีนสำหรับคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรวม 3.5 ล้านโดส ซึ่งคงจะทยอยฉีดตามลำดับ โดยทางสมาคมแอตต้าเองก็ได้ให้สมาชิกส่งรายชื่อเข้ามา เพื่อเสนอให้รัฐพิจารณาต่อไป ซึ่งก็หวังว่าน่าจะเห็นการทยอยฉีดเร็ว ๆ นี้”

ทั้งนี้ จากการมอนิเตอร์และพูดคุยกับทางคู่ค้าในต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศพร้อมที่จะเดินทางเมื่อประเทศไทยพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว เช่น จีน เวียดนาม สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฯลฯ

แต่สถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปมากหลาย ๆ ประเทศที่เป็นตลาดเป้าหมายของไทยกลับมาระบาดหนักขึ้น รวมถึงประเทศไทยเราก็ยังคงมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดที่หนักเช่นกัน

ดัชนีวัดความเชื่อมั่นของทุกประเทศในเวลานี้จึงมองที่สัดส่วนการฉีดวัคซีนของประชากรในประเทศเป็นหลัก

เรียกว่าวัคซีนต้องมาก่อน ประเทศที่จะเปิดการท่องเที่ยวมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งฉีดวัคซีน เพื่อให้ประชากรในประเทศได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 70% โดยเร็ว

สมาคมแอตต้าก็หวังว่าระหว่างนี้ รัฐบาลจะเร่งฉีดวัคซีนให้คนในภูเก็ต เพื่อให้ทันกับการเปิดเมืองในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และในอีก 10 จังหวัดที่อยู่ในแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวในเดือนตุลาคมนี้ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“ผมว่าถ้าเราฉีดวัคซีนได้ไม่ถึง 70% นักท่องเที่ยวจะไม่กล้ามาเที่ยว ดังนั้น โจทย์สำคัญในวันนี้คือ จำนวนวัคซีน และหากสามารถคุมพื้นที่ที่เราจะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ 15 วัน หรือ 1 เดือน จะยิ่งช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้เราทำการตลาดกับคู่ค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น”

เมื่อถามว่าประเมินการเปิดภูเก็ตในไตรมาส 3 นี้อย่างไร “ศิษฎิวัชร” บอกว่า ส่วนตัวประเมินว่าในช่วงแรกของการเปิดภูเก็ต นักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่มากนัก เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้น จากนั้นน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 และก็หวังว่าทุกอย่างจะชัดเจนขึ้นในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในวันนี้ยังยากมากที่จะคาดการณ์ในเชิงตัวเลข และความมั่นใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากการแพร่ระบาดในประเทศยังไม่นิ่ง เช่นเดียวกับในหลาย ๆ ประเทศที่ยังไม่นิ่งเช่นกัน

ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในวันนี้ คือ ประเทศไทยต้องทำตัวเองให้สะอาด ควบคุมการแพร่ระบาดให้ดี และเร่งฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ทำตัวเองให้พร้อมก่อน ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงผู้ให้บริการทุก ๆ ส่วน

เพราะเชื่อมั่นว่า เมื่อประเทศเราพร้อม ทันทีที่ต่างประเทศพร้อม เขาก็พร้อมที่จะออกเดินทางมาหาเราทันทีเช่นกัน

ส่วนจะกลับมาได้เร็วแค่ไหนนั้น ต้องมาลุ้นกันต่อไป…