กลุ่มทุน “ปิคนิค รางน้ำ” ตั้ง “กรีนสเปซ” ลงทุน-รับบริหารโรงแรม

สัมภาษณ์พิเศษ

 

นับเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของกลุ่มทุนเสื้อผ้าตระกูล “โลจนะรุ่งสิริ” ที่เดิมเคยรุ่งเรืองกับธุรกิจรับตัดเสื้อผ้า ตัดสูท ที่คนรู้จักกันดีในนาม “โทนี่แฟชั่น” ที่มีแบรนด์ในเครือข่ายอีกจำนวนมาก อาทิ Tony, Grand, Tom, Jame เป็นต้น

จากธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองในอดีตปัจจุบันได้กลายมาเป็นธุรกิจขาลง (sunset) ทำให้ต้องหันมาปรับตัวด้วยการรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม ด้วยการเริ่มต้นจากการซื้อโรงแรมปิคนิค รางน้ำ กรุงเทพฯ มาปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่หมดตั้งแต่หัวจดเท้าเมื่อ 3 ปีก่อน

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “เกรียงศักดิ์ โลจนะรุ่งสิริ” รองประธาน และ “ณรรฐ ตีระแพทย์” ผู้จัดการทั่วไป ปิคนิค โฮเต็ล แบงค็อก ผู้บริหารโรงแรมปิคนิค รางน้ำ กรุงเทพฯ (Picnic Hotel) ถึงมุมมอง แนวทางการทำตลาด รวมถึงทิศทางการลงทุนธุรกิจโรงแรมในอนาคตไว้ดังนี้

ชิมลาง “ปิคนิค รางน้ำ”

“เกรียงศักดิ์” บอกว่า ขณะนี้กลุ่มปิคนิคได้รุกเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมอย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ลงทุนซื้อโรงแรมปิคนิค รางน้ำ เดิมมารีโนเวตใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ปิคนิคมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย และสอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา

พร้อมทั้งวางโพซิชันนิ่งให้โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมระดับกลางขึ้นไป แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนโรงแรม จำนวน 161 ห้อง ราคาเริ่มต้นสำหรับผู้ที่จองที่พักออนไลน์คือประมาณ 1,500 บาทต่อห้องต่อคืน และราคา 1,800 บาทต่อห้องต่อคืนสำหรับลูกค้าวอล์กอิน

และโฮสเทล จำนวน 13 ห้อง รวม 78 เตียง ราคาเริ่มต้นที่อยู่ที่ประมาณ 450 บาทต่อคืน เนื่องจากทำเลดังกล่าวเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและคนไทย

“ตอนนี้นักท่องเที่ยวคุ้นเคยกับโฮสเทลเป็นอย่างมาก บวกกับมีช่องทางการขายใหม่ ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุน ทำให้นักท่องเที่ยวหันมาสนใจพักโฮสเทลและโรงแรมขนาดกลางมากขึ้น และเราก็เป็นกลุ่มที่เริ่มลงทุนโฮสเทลเป็นรายแรก ๆ ในโซนนี้ เพราะมองว่าเรามีความได้เปรียบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งใกล้แหล่งช็อปปิ้งสำคัญอย่างคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี ประตูน้ำ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฯลฯ รถไฟฟ้าบีทีเอส แอร์พอร์ตลิงก์ รถขนส่งมวลชนสาธารณะ รวมถึงแหล่งรับประทานอาหารที่มีจำนวนมากในซอยรางน้ำ”

ทุ่ม 300 ล. ลุงทน 3 โรงแรม

“ณรรฐ” เสริมว่า ปีที่ผ่านมาโรงแรมปิคนิค รางน้ำ ได้รับการตอบรับดีเกินคาด โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ราว 78% และก็ยังดีต่อเนื่องมากถึงปีนี้ ซึ่งพบว่าตั้งแต่เปิดให้บริการมาโรงแรมแห่งนี้ยังไม่เจอกับภาวะที่เรียกว่า “โลว์ซีซั่น” เลย

จากผลตอบรับที่ดีเกินคาดนี้ทำให้บริษัทลงทุนในธุรกิจโรงแรมเพิ่มอีก 3 แห่ง รวมมูลค่าการลงทุนราว 300 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โรงแรม De-Prime@Rangnam Your Telermade Hotel ตั้งอยู่ในซอยรางน้ำ กรุงเทพฯ (ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมปิคนิค) จำนวน 69 ห้องพัก โรงแรมแห่งนี้วางตำแหน่งทางการตลาดไว้ที่ระดับ 4 ดาว ออกแบบเป็นคอนเซ็ปต์โฮเต็ลที่สะท้อนธุรกิจเสื้อผ้าซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของครอบครัว (โทนี่แฟชั่น) โดยวางระดับราคาเริ่มต้นไว้ที่ประมาณ 2,400 บาทต่อห้องต่อคืน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนมีนาคม 2561

2.โรงแรม De-Samsen Hotel ตั้งอยู่บนถนนสามเสน ซอย 6 กรุงเทพฯ วางโพซิชันนิ่งให้เป็นสไตล์บูติคโฮเต็ล จำนวน 50 ห้องพัก และโฮสเทลรูปลักษณ์ใหม่ที่เรียกว่า “poshtel” ซึ่งจะเป็นบูติคโฮสเทล และมีความหวือหวามากยิ่งขึ้น และมีสระว่ายน้ำ จำนวน 40 เตียง โรงแรมแห่งนี้วางระดับราคาเริ่มต้นไว้ที่ 2,200 บาทต่อห้องต่อคืน ส่วนโฮสเทล ราคาเริ่มต้นที่ 700 บาทต่อคืน

และ 3.โรงแรม Iudea ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม De-Samsen Hotel โรงแรมแห่งนี้ก็ออกแบบมาเป็นสไตล์บูติคโฮเต็ลที่ความเป็นไทยร่วมสมัย จำนวน 65 ห้องพัก แบ่งเป็น 3 สไตล์ คือ แนวเท่ ๆ สไตล์ผู้ชายใส่สูท แนวสปอร์ต ๆ สไตล์ลำลอง และแนวผู้หญิง สไตล์เดรสยาว โดยวางระดับราคาขายไว้ใกล้เคียงกับ De-Samsen Hotel

ทั้งนี้ คาดว่าโรงแรม De-Samsen Hotel และโรงแรม Iudea จะเปิดให้บริการได้ในช่วงประมาณปลายปี 2561

“เกรียงศักดิ์” ย้อนความให้ฟังด้วยว่า ปัจจุบันนอกจากโรงแรมปิคนิค รางน้ำ กรุงเทพฯแล้ว กลุ่มปิคนิคยังเป็นเจ้าของและบริหารโรงแรมอีก 2 แห่ง คือ โรงแรมพฤกษา วัลเล่ย์ อ.หมวกเหล็ก จ.สระบุรี และโรงแรม Sleep Tight Hotel พัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็ก และอยู่ในแผนที่จะทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้ง 2 แห่งด้วย

“ตอนนี้เรามีโรงแรมที่ลงทุนและบริหารรวม 6 แห่ง ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ครบทั้งหมดภายในปลายปีหน้า หลังจากนี้ธุรกิจโรงแรมจะกลายมาเป็นธุรกิจหลักของครอบครัวต่อจากธุรกิจเสื้อผ้า”

เมื่อถามถึงแผนการลงทุนต่อเนื่องในอนาคต “เกรียงศักดิ์” บอกว่า ถ้ามองระยะยาวสำหรับ 3-5 ปีข้างหน้า กลุ่มปิคนิคน่าจะมีโรงแรมที่ลงทุนเองและบริหารอยู่ประมาณ 8 แห่ง โดยอาจมีลงทุนในต่างประเทศควบคู่ไปด้วย

ผุด “กรีนสเปซ” รับบริหาร

ขณะเดียวกัน เพื่อให้การบริหารโรงแรมแต่ละแห่งมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะนี้บริษัทได้ตั้งบริษัทกลางทำหน้าที่เหมือนโฮลดิ้งคอมปะนี ภายใต้ชื่อ “กรีนสเปซ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท”

โดยในอนาคต นอกจาก “กรีนสเปซ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” จะทำหน้าที่กำหนดทิศทางและวางรูปแบบบริหารในภาพรวมทั้งหมดให้กับโรงแรมในเครือข่ายแล้ว จะยังทำหน้าที่รับบริหารโรงแรมให้กับกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโลคอลที่ไม่เชี่ยวชาญในการบริหารโรงแรมอีกส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งคาดว่าในส่วนนี้จะมีความชัดเจนภายใน 3 ปีข้างหน้านี้แน่นอน


“เกรียงศักดิ์” ยังบอกด้วยว่า ตอนนี้ทุนโรงแรมเป็นผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs จำนวนมาก แต่ก็ล้มหายตายจากไปเยอะ เพราะการแข่งขันสูง และไม่มีโนว์ฮาว ความต้องการพี่เลี้ยงให้เข้าไปช่วยบริหารงานโรงแรมจึงมีค่อนข้างสูงมากดังนั้น ซึ่งในช่วง 3 ปีนี้จะเป็นช่วงที่บริษัทต้องสะสมโนว์ฮาวและสร้างแบรนด์ของตัวเองให้แข็งแรง จากนั้นก็จะขยับไปเป็นที่ปรึกษาให้รายเล็กต่อไป