“คลับเมด” จับตาภูเก็ตแซนด์บอกซ์ พร้อม 2 ปัจจัยหนุนรีสตาร์ตสาขาภูเก็ต

วินเซนต์ ออง
วินเซนต์ ออง รองประธานอาวุโสด้านพาณิชย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้านการตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) คลับเมด
สัมภาษณ์

ผ่านไป 1 สัปดาห์ (1-7 กรกฎาคม 2564) สำหรับ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ภูเก็ต รวม 2,399 คน มีอัตราการจองที่พักในโรงแรม SHA+ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 รวม 131,809 คืน (room night) ขณะที่ภาพรวมการติดเชื้อโควิดรายใหม่ภายในประเทศพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น่าติดตามอย่างมาก

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “วินเซนต์ ออง” รองประธานอาวุโสด้านพาณิชย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้านการตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) คลับเมด ถึงมุมมองต่อนโยบาย “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” หรือ Phuket Sandbox แผนการเปิดให้บริการของคลับเมด รวมถึงความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศไทย ไว้ดังนี้

Q : มีความเห็นเกี่ยวกับภูเก็ตแซนด์บอกซ์ของไทยอย่างไรบ้าง

นับเป็นเวลากว่า 18 เดือนแล้วที่ทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาด และมีการใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างที่เราไม่เคยต้องทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรณรงค์ฉีดวัคซีน การตรวจหาเชื้อโควิดก่อนการเข้าประเทศที่มีการนำมาใช้อย่างกว้างขวาง รวมถึงการใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อติดตามตัว ฯลฯ

แผนการเปิดประเทศด้วย Phuket Sandbox ของประเทศไทยนั้น เป็นแนวคิดที่เรียกได้ว่าอาจหาญ กล้าที่จะเสี่ยง ในการเริ่มต้นเพื่อต้อนรับการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอีกครั้ง เมื่อเทียบกับนโยบายของประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ที่ในเวลานี้ประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคยังคงเลือกแนวทางที่จะปิดประเทศ เพื่อจำกัดการเดินทางของผู้คน และยังคงมาตรการด้านสุขอนามัย

มาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และจำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศอาเซียนมีสัดส่วนที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศที่เปิดอย่างอิสระ

18 เดือนที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากขึ้น สิ่งที่ควรจะทำในลำดับถัดไป จึงไม่ควรเป็นเรื่องของการขัดเกลามาตรการในการควบคุมอีกต่อไป แต่เป็นการทดลองว่าจะเปิดอย่างไรให้ปลอดภัย

อย่างที่เราทราบกันดีว่าการเปิดประเทศภายใต้โมเดล “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” เป็นการทดลองเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยที่ทั้งนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและประชาชนในพื้นที่จะต้องได้รับวัคซีนแล้ว รวมถึงมีมาตรการตรวจเชื้อเพื่อคัดกรองก่อนเข้าประเทศ นับว่าเป็นก้าวแรกที่มาได้ถูกทางแล้ว และแผนการนี้ยังถือเป็นต้นแบบในการเปิดประเทศสู่จังหวัดอื่น ๆ อีกด้วย

แน่นอนว่าทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญและติดตามแผนการนี้อย่างใกล้ชิด หากประสบผลสำเร็จดี นานาประเทศก็จะมีแนวทางต้นแบบในการที่จะเปิดประเทศด้วยเช่นกัน เพราะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เราไม่สามารถสร้างป้อมปราการและปิดประเทศได้ตลอดไป

Q : ประเมินการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวอย่างไร

หากการท่องเที่ยวฟื้นตัว ผมเชื่อว่าจะเป็นการฟื้นตัวที่แข็งแรงมาก โดยจากผลสำรวจความต้องการท่องเที่ยวของเราเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า ผู้คนโหยหาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

และในขณะที่ยังไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้ เราก็ยังคงท่องเที่ยวกันอยู่แต่เป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงในช่วงปีที่ผ่านมา ผมจึงเชื่อว่าเราน่าจะได้เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า

Q : อะไรคือปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจกลับมาเปิดบริการของโรงแรมและรีสอร์ตอีกครั้ง

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราตัดสินใจกลับมาเปิดให้บริการหรือไม่นั้น คือ ความปลอดภัยของแขกผู้เข้าพักและพนักงานของเรา ในส่วนของคลับเมดเองเรามีโปรแกรมเซฟ ทูเกตเทอร์ ซึ่งเป็นมาตรการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยที่นำมาใช้ในทุก ๆ รีสอร์ตของเรา รวมถึงให้พนักงานของเราได้รับการฉีดวัคซีน

และรีสอร์ตที่จะเปิดให้บริการได้นั้นจะต้องอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย กล่าวคือ อยู่ในจุดที่สามารถควบคุมโรคได้ดีไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วย

นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความพร้อมของประเทศที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวยังรีสอร์ตของเรา เนื่องจากว่าการให้บริการของคลับเมดนั้นจำเป็นต้องมีผู้เข้าพักขั้นต่ำที่เพียงพออย่างน้อยครอบคลุมกับต้นทุนค่าดำเนินการ เพราะรูปแบบการให้บริการของคลับเมดเป็นแพ็กเกจแบบออลอินคลูซีฟที่จะรวมที่พัก อาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรมตลอดการเข้าพัก

เมื่อเราสามารถกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เราต้องการให้แขกผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์แบบคลับเมดอย่างเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรค

Q : ปัจจุบันคลับเมดเปิดให้บริการที่มัลดีฟส์ แต่ทำไมถึงยังตัดสินใจไม่เปิดบริการคลับเมดภูเก็ตรับภูเก็ตแซนด์บอกซ์

หากพิจารณาถึงสถิติแขกผู้เข้าพักของคลับเมดรีสอร์ตทั่วโลกจะพบว่า กว่า 70% ของแขกผู้เข้าพักของเราเป็นกลุ่มครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเด็กมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อไวรัสนี้ได้เช่นกัน เมื่อแขกส่วนใหญ่ของเราเป็นกลุ่มนี้ เราจึงต้องชะลอการเปิดรีสอร์ตไปก่อน หากสถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้นแล้ว เราก็พร้อมที่จะกลับมาสร้างความสนุกและมอบประสบการณ์การเข้าพักแบบออลอินคลูซีฟอีกครั้ง

โดยเหตุผลที่คลับเมดเปิดให้บริการที่มัลดีฟส์ แต่ยังไม่เปิดบริการคลับเมด ภูเก็ต รับภูเก็ตแซนด์บอกซ์นั้น มีปัจจัยหลัก 2 ส่วนที่จะต้องสอดคล้องกัน อย่างแรกคือ ความพร้อมของประเทศปลายทางในการเปิดพรมแดน หรือเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ปัจจัยที่ 2 คือ ประเทศต้นทางที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องได้รับการกักตัวเมื่อเดินทางกลับประเทศตนเอง

จุดเด่นหนึ่งของการเข้าพักกับคลับเมด คือ ประสบการณ์ด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผู้ที่เข้าพักของเราก็มีโอกาสที่จะได้พบปะกับแขกผู้เข้าพักนานาชาติ หรือแม้แต่พนักงานผู้ให้บริการของเรา หรือเรียกว่า GOs ก็มาจากหลากหลายประเทศ

และคลับเมด ภูเก็ต ก็เป็นรีสอร์ตอีกแห่งหนึ่งที่ต้อนรับแขกผู้เข้าพักจากนานาประเทศทั่วโลก โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และออสเตรเลีย หากประเทศเหล่านี้เปิดให้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ หรือมีการทำข้อตกลงแบบ travel bubble ก็มีโอกาสสูงที่เราจะกลับมาเปิดให้บริการคลับเมด ภูเก็ต อีกครั้ง

Q : ประเมินว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะฟื้นตัวเมื่อไหร่

แผนการทดลองเปิดประเทศด้วย “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญ เพื่อทดสอบว่ามาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่วางไว้มีผลสำเร็จเพียงใด ซึ่งส่วนตัวคิดว่าแผนการนี้เป็นแผนที่ดูเป็นเหตุเป็นผล และมีความเป็นไปได้ดี ซึ่งระหว่างที่เปิดภูเก็ตไปแล้วนั้นอาจจะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง

ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เราทุกคนต้องปรับตัวและอยู่กับโรคนี้ให้ได้ และอยู่ในความเสี่ยงที่ประเทศรับไหว แต่หากจะให้บอกเลยว่าประเทศจะฟื้นตัวเมื่อไหร่ก็เป็นการยากที่จะระบุแน่ชัด และทำได้เพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม น่าจะให้คำตอบได้แน่ชัดมากขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า พร้อมกับให้คำตอบได้ชัดมากขึ้นว่า คลับเมด ภูเก็ต จะเปิดเมื่อไหร่ด้วย