ภูเก็ตโอด “บิ๊กโจ๊ก” ลงพื้นที่ทุบ “แชนด์บอกซ์” จับตาวงจรส่วยคืนชีพ

คนภูเก็ตโอด “บิ๊กโจ๊ก” ลงพื้นที่รับฟังปัญหา อุปสรรค การท่องเที่ยวช่วงเช้า พอช่วงค่ำเจ้าหน้าที่ปกครองในพื้นที่-ตำรวจบุกไล่ยึดใบอนุญาต “ร้านอาหาร-บาร์” โซนป่าตอง-ราไวย์ พร้อมสั่งปิดบริการก่อนเวลา ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ วงในเผยเหตุการณ์นี้กระทบภาพลักษณ์ “ภูเก็ตแชนด์บอกซ์” อย่างจัง จับตาวงจรส่วยคืนชีพ

วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตรายงานว่า จากกรณีพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9)  ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อวานนี้ (17 กรกฎาคม 2564) โดยได้พบปะพูดคุยกับทีม พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ฯลฯ เพื่อรับปัญหาอุปสรรคด้านการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการของจังหวัดภูเก็ต

โดยมีนายนิพนธ์ เอกวานิช ประธานกรรมการ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด พร้อมด้วยบุคคลในวงการท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก นำเสนอผลการนำเนินโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และปัญหาอุปสรรคต่างๆ ด้านการท่องเที่ยวในสถานการณ์โควิด-19 ที่ห้องประชุมโรงแรมกะตะธานี อ.เมือง จ.ภูเก็ต


แหล่งข่าวรายงานว่าที่ประชุมดังกล่าว ผู้ประกอบการยืนยันว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นโครงการที่ดี แม้ว่าจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้เต็มที่นัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นโครงการที่หลายๆ ประเทศกำลังจับตามองอีกด้วย

“บิ๊กโจ๊กมาสำรวจและรับฟังปัญหาในช่วงเช้า ซึ่งเราคาดหวังว่าท่านจะรวบรวมประเด็นปัญหาที่ได้รับฟังจากกลุ่มผู้ประกอบการนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อขับเคลื่อนและแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวต่อไป เวลาประมาณ 21.30 น. ปลัดอำเภอกะทู้นำกำลังเข้าตรวจและยึดใบอนุญาตร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม และร้านอาหารและบาร์ไปจำนวนมาก พร้อมทั้งออกคำสั่งให้ร้านอาหารต่างๆ ปิดให้บริการ โดยไม่บอกว่าจับกุมและยึดใบอนุญาตข้อหาอะไร และให้เจ้าของหรือผู้ดูแลตามไปที่อำเภอกะทู้”

และว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับการลงพื้นที่ของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือไม่นั้นไม่มีใครให้ข้อมูลที่ชัดเจน แต่ส่วนตัวคิดว่าเหตุการณ์นี้ไม่ปกติ เพราะตามกฎร้านอาหารภูเก็ตสามารถเปิดให้บริการได้ถึง 5 ทุ่ม รวมถึงให้จำหน่ายแอลกอฮอลล์ได้ และไม่ว่าใบสั่งนี้มาจากใครแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาพอคาดเดาได้ว่ามีเรื่องส่วย หรือข้อตกลงที่เรียกว่าภาวะสมยอมเกิดขึ้นแน่นอน เพราะในเมืองไม่มีการจับกุม (เคลียร์กันได้) แต่มาบุกจับที่ป่าตองและราไวย์

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของ “ภูเก็ตแชนด์บอกซ์” ซึ่งเป็นโครงการที่คนภูเก็ตพยายามพลักดันกันอยู่ในขณะนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากร้านอาหารที่เจ้าหน้าที่บุกยึดใบอนุญาตและสั่งปิดให้บริการนั้นส่วนใหญ่มีนักท่องเที่ยวต่างชาตินั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านจำนวนหนึ่ง

“ที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนจากนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งว่ารัฐบาลไทยหลอกให้พวกเขามาเที่ยว เพราะมาแล้วนอนอยู่แต่ในห้องพักและริมทะเลเท่านั้น ร้านอาหาร สถานบันเทิงที่พวกเขาเคยมาใช้บริการยังไม่เปิด เอกชนภูเก็ตเองก็พยายามให้มีร้านอาหาร บาร์ ต่างๆ ให้เปิดบริการได้มากขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่หน่วยงานรัฐกลับไม่สนับสนุน แถมยังพยายามใช้กฎหมาย ข้อบังคับต่างๆ ทำให้เอกชนในฝั่งดีมานด์ไซด์ขยับตัวกันไม่ได้” แหล่งข่าวกล่าว