ดุสิตธานี ยกเครื่องเทคโนโลยี รับการแข่งขันธุรกิจท่องเที่ยวเปลี่ยนทิศ

“ดุสิตธานี” เดินหน้าปรับเปลี่ยนโครงสร้างด้านเทคโนโลยี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหลังโควิดที่มีพฤติกรรมที่หลากหลาย ซับซ้อน และเจาะจงมากขึ้น ย้ำเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะลงทุน เพื่อความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสการแข่งขันในระยะยาว

วันที่ 20 สิงหาคม 2564 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจหลักของกลุ่มดุสิตธานีตลอดระยะเวลา 18 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับแผนและชะลอการลงทุนในหลายส่วน แต่มีบางโครงการที่บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยี (Technology Transformation)

ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลและเทคโนโลยีจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยยกระดับการทำงานและการบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งยังช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เพื่อให้กลุ่มดุสิตธานีสามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับนักท่องเที่ยวในยุคนิวนอร์มัล

“เราเริ่มดำเนินการโครงการฯ นี้มาตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรกในประเทศไทย ดังนั้นตลอด 18 เดือนของการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ จึงเป็นการทำงานแบบออนไลน์กว่า 80%  เพราะข้อจำกัดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทีมงานที่ปรึกษา ทีมงานไอทีและทีมงานอื่นต้องทำงานแบบ Work From Home แต่ทุกฝ่ายก็ยังพยายามผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้น จนภารกิจสำเร็จลุล่วงได้อย่างน่าพอใจ” นางศุภจีกล่าว

และว่า สำหรับโครงการ Technology Transformation ของกลุ่มดุสิตธานี ประกอบด้วย การปรับปรุงระบบ ERP, CRM และ DATA Platform ของบริษัทฯ ใหม่ทั้งหมด โดยย้ายระบบทั้งหมดไปอยู่บนระบบคลาวด์แพลตฟอร์มของบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำไม่ว่าจะเป็น SAP, MICROSOFT และ CENDYNE โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบงานทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเก็บรักษาและเชื่อมต่อข้อมูลของทุกหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกันเสมือนอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน

และยังเป็นการทำงานแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ดึง Big Data ของข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์และวางแผนงานได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับการขยายกิจการเพิ่มเติมในอนาคต โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้วางระบบ ERP เชื่อมต่อข้อมูล 24 บริษัทย่อย ครอบคลุม 5 ธุรกิจหลัก ใน 17 ประเทศทั่วโลกที่ดุสิตธานีดำเนินงานในเฟสแรกเป็นที่เรียบร้อย

นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังพยายามที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย มอบความสะดวกสบาย และเพิ่มคุณค่าให้ลูกค้า โดยล่าสุด เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ บน LINE MyShop  และ  LazMall  เพื่อนำเสนอ โปรโมชั่นห้องพักโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วประเทศ ตลอดจนร้านอาหาร และฟิตเนส ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย ที่ปัจจุบันนิยมการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น  ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างแหล่งรายได้แหล่งใหม่ภายในประเทศ ในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาอยู่ในภาวะปกติ 

นางศุภจีกล่วด้วยว่า ท่ามกลางความท้าทายของวิกฤติโควิด-19 ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องปรับแผนระยะสั้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมค่าใช้จ่าย การปรับรูปแบบธุรกิจ (business model) การปรับโครงสร้างสินทรัพย์ เพื่อรักษาสภาพคล่อง และประคับประคองธุรกิจให้ผ่านช่วงที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้  แต่ก็ไม่ปล่อยให้เป้าหมายระยะยาวล้มเหลว ยังคงเดินหน้าตามแผน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งในส่วนของบุคลากรที่เน้นการปรับทักษะของทีมงาน ปรับความพร้อม ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวเพื่อตอบโจทย์ภาวะธุรกิจทั้งปัจจุบันและอนาคต

รวมถึงในส่วนของเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสามารถตรวจสอบความถูกต้องโปร่งใสในกระบวนการทำงานของทุกฝ่ายได้อีกด้วย เพราะตระหนักดีว่า ลูกค้าในปัจจุบันมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีความซับซ้อน หลากหลายและมีความต้องการแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น  ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ได้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น และยังช่วยขยายการเข้าถึงตลาดและช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างมูลค่าในระยะยาวได้อีกด้วย