“ไทยเวียตเจ็ท” ย้ำ ผู้นำฟื้น “อุตฯการบิน”

วรเนติ หล้าพระบาง
วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) สายการบินไทยเวียตเจ็ท
สัมภาษณ์

“ไทยเวียตเจ็ท” สายการบินน้องใหม่มาแรงกำลังจะครบรอบ 5 ปีของการเปิดธุรกิจในประเทศไทยในวันที่ 15 กันยายนนี้ พร้อมรางวัลความสำเร็จในฐานะ “สายการบินโลว์คอสต์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งปี 2020” จากนิตยสารโกลบอล บิสซิเนส เอาต์ลุก กรุงลอนดอน

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “วรเนติ หล้าพระบาง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) สายการบินไทยเวียตเจ็ท ถึงแผนกลยุทธ์ด้านการบินหลังจากรัฐบาลปลดล็อกให้ธุรกิจการบินกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ไว้ดังนี้

“วรเนติ” บอกว่า แม้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังคงมีอยู่ แต่ก็ยังยืนยันว่าการเดินทางโดยเครื่องบินยังมีความปลอดภัยสูงสุด ทุกสายการบินมีมาตรการการป้องกันและดูแลที่ชัดเจน โดยในเบื้องต้นของการกลับมาให้บริการเส้นทางบินครั้งนี้ (1 กันยายน 2564) “ไทยเวียตเจ็ท” ถือเป็นสายการบินที่ให้บริการครอบคลุมจุดบินหลัก ๆ ในทุกภาคของประเทศ

โดยมีเป้าหมายว่า “ไทยเวียตเจ็ท” จะเป็นสายการบินผู้นำในการฟื้นตัวและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินของไทย และเป็นสายการบินที่มีจำนวนเที่ยวบินบริการมากที่สุด

ขณะเดียวกันยังกลับมาให้บริการเส้นทางบินข้ามภาคในประเทศพร้อมกันถึง 4 เส้นทาง โดย 3 เส้นทางเป็นการให้บริการจากฮับการบินภูเก็ต เพื่อสนับสนุน “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ประกอบด้วย เส้นทางภูเก็ต สู่เชียงใหม่, เชียงราย และอุดรธานี และเส้นทางหาดใหญ่สู่เชียงราย

“ในส่วนของเส้นทางบินข้ามภาคนั้นเราก็เป็นรายแรก ๆ ที่กลับมาเปิดให้บริการ และอาจจะมีเพิ่มอีก ซึ่งต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้”

นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศด้วย ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ไทเป (ไต้หวัน) และสิงคโปร์ โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 และ 21 ตุลาคม 2564 ตามลำดับและเที่ยวบินตรงเชื่อมระหว่างภูเก็ตและสิงคโปร์ ตั้งแต่ 21 ตุลาคมนี้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ยังให้บริการเที่ยวบินเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯไปยังภูเก็ต สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางจากไทเปมายังกรุงเทพฯเพื่อเชื่อมต่อ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” อีกช่องทางหนึ่งด้วย

“วรเนติ” บอกอีกว่า ในเวลานี้นอกจาก “ไทยเวียตเจ็ท” เป็นสายการบินที่ให้บริการเที่ยวภายในประเทศมากที่สุดแล้วยังเป็นสายการบินที่บินเชื่อม “ภูเก็ต” มากที่สุด

เรียกว่า นอกจากจะเป็นสายการบินผู้นำในการฟื้นตัวและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินของไทยแล้ว ในปีหน้า “ไทยเวียตเจ็ท” จะเป็นสายการบินผู้นำในการกระตุ้นการเดินทางระหว่างประเทศพร้อมทั้งสนับสนุนนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาลด้วย

ซีอีโอสายการบินไทยเวียตเจ็ทย้อนความให้ฟังว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยเวียตเจ็ทมีการขยายฝูงบินอย่างรวดเร็วถึง 433% จาก 3 ลำในช่วงเริ่มต้นเป็น 15 ลำในปี 2563 และมีแผนเพิ่มอีกประมาณ 2 ลำในช่วงปลายปีนี้ โดยลำแรกคือ เครื่องบินลำที่ 16 จะรับมอบ A321 เข้ามาประจำฝูงบินในวันที่ 11 กันยายนนี้ เพื่อนำมาแก้ปัญหาเครื่องบินไม่เพียงพอในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรองรับการขยายตัวในอนาคตด้วย

ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น มองว่าเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งทุกประเทศก็ต้องเปิดประเทศเหมือนกันหมด และไทยเวียตเจ็ทก็พร้อมที่จะเป็นหัวหอกสำหรับการเปิดประเทศของไทย เพื่อย้ำความเป็นผู้นำในการกระตุ้นการเดินทางระหว่างประเทศ

“ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด ไทยเวียตเจ็ทอยู่ในอันดับประมาณ 5-6 ของตลาด แต่วันนี้อย่างน้อยเราเป็นอันดับ 2 ในเส้นทางที่เปิดให้บริการ และบางช่วงก็สามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้แล้ว ซึ่งแนวทางทั้งหมดที่เราใช้กับเส้นทางการบินในประเทศนี้ เราก็หวังว่าจะนำไปใช้กับเส้นทางระหว่างประเทศได้ด้วย”


โดยคาดหวังว่า ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า “ไทยเวียตเจ็ท” จะสามารถขยายฝูงบินเพิ่มเป็น 40-50 ลำ และครองความเป็นผู้นำ ทั้งตลาดในประเทศ อินโดไชน่า อาเซียน เซาท์อีสต์เอเชีย รวมถึงจีนต่อไป…