ยอดจองโรงแรมขยับรับเปิดเมือง ลุ้นต่างชาติบินเข้าไทยต้นปี 65

นักท่องเที่ยว

ธุรกิจท่องเที่ยวขานรับเปิดเมืองดึงต่างชาติ 46 ประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำเข้าไทยไม่กักตัว 1 พ.ย. “กทม.-พัทยา-หัวหิน-บุรีรัมย์” เตรียมความพร้อมมาตรการ-จัดอีเวนต์รองรับ ยอดจองโรงแรมเริ่มขยับ คาด 6 เดือนท่องเที่ยวเริ่มฟื้นแม้ไม่หวือหวา เหตุลูกค้าหลักชาวจีนยังไม่กลับ “โซนยุโรป-อเมริกา” ยังเดินทางน้อย ปีนี้รออานิสงส์ไทยเที่ยวไทยดันรายได้ รัฐหวังปลุกมู้ดเต็มที่ยกเลิกเคอร์ฟิว กทม. กับอีก 16 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) และรองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มโรงแรมเครือสุโกศล เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงต่ำ 46 ประเทศโดยไม่กักตัว ช่วยให้มู้ดบรรยากาศการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมดีขึ้น

หลังจากนี้ต่างชาติโดยเฉพาะในโซนยุโรป ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินหลายแห่งให้บริการเที่ยวบินอยู่จะทยอยเดินทางเข้ามามากขึ้น และหากดีมานด์การเดินทางมีเพิ่มขึ้น สายการบินต่าง ๆ น่าจะพิจารณากลับมาให้บริการเที่ยวบินในปริมาณที่เพิ่มขึ้นด้วย

ความเชื่อมั่นมา-บุ๊กกิ่งเริ่มขยับ

เชื่อว่าภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้นปลายปีนี้เป็นต้นไป จากบุ๊กกิ่งโรงแรมของเครือเดอะสุโกศล พบว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มวางแผนการเดินทางตั้งแต่เดือน ธ.ค.นี้เป็นต้นไป

“ตลาดใหญ่ของอุตฯท่องเที่ยวไทยปีนี้ยังคงเป็นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพราะมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย นโยบายเปิดประเทศโดยไม่กักตัว จะช่วยให้นักท่องเที่ยวที่มีความจำเป็นในการเดินทาง อาทิ กลุ่มธุรกิจ รวมถึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงจะตัดสินใจเดินทางเข้ามาง่ายขึ้น และเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” นางมาริสากล่าว

คาดใช้เวลา 6 เดือนเรียกเชื่อมั่น

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ท่องเที่ยวจะปรับตัวในทิศทางดีขึ้น จากที่ได้รับผลกระทบรุนแรงช่วงที่ผ่านมาเกือบ 2 ปีเต็ม ทำให้ภาคธุรกิจต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการทยอยฟื้นตัว หรือเร็วสุด 3 เดือน

ประกอบกับนักท่องเที่ยวตลาดหลักโดยเฉพาะจีน ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เคยเดินทางมาไทย ยังไม่มีนโยบายออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ

“ประเด็นสำคัญขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าประเทศไทยเปิดแล้ว แต่อยู่ที่ประเทศปลายทางด้วยว่าเอื้อให้คนออกเดินทางนอกประเทศมากแค่ไหน ออกมาเที่ยวแล้วกลับไปถูกกักตัวหรือไม่มากกว่า”

เชื่อท่องเที่ยวยังไม่หวือหวา

เช่นเดียวกับ นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) หรือแอตต้า ในฐานะดูแลตลาดอินบาวนด์ (นักท่องเที่ยวขาเข้า) ที่ระบุว่า แม้รัฐบาลจะประกาศเปิดประเทศแต่การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่หวือหวา จะเป็นลักษณะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักลงทุน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เข้ามารักษาพยาบาล เป็นต้น

เนื่องจากนักท่องเที่ยวตลาดหลัก เช่น จีน ยังไม่มีนโยบายให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่มาเลเซีย รัสเซีย อินเดีย ฯลฯ ที่เป็นตลาดหลัก สถานการณ์การระบาดยังสูง ขณะที่ประเทศที่มีดีมานด์ด้านการเดินทาง เช่น ประเทศในโซนยุโรป อเมริกา ยังมีไม่มาก

ชี้ “จีน” ยังไม่มาแน่นอน

สอดรับมุมมองของ รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่ชี้ว่า นโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจว่าเศรษฐกิจจะเดินได้ ประเมินว่าช่วงแรกนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นบ้าง ช่วยเศรษฐกิจได้บ้าง แต่ไม่ได้มากนัก เพราะตอนนี้คนยังไม่กล้าเดินทาง

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ถ้ามาต้องโดนกักตัว 21 วันหลังกลับไป ฉะนั้น จีนไม่มาแน่นอน ต้องรออีกสักระยะกว่าจีนจะเปิดประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงหลังตรุษจีนไปแล้ว

ฟันธงรายได้ฟื้นไม่ทัน Q1

ดังนั้น รายได้ท่องเที่ยวคงเข้ามาในไตรมาส 1 ปี 2565 ไม่ทัน ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาลอตแรกในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มตลาดบน ตลาดล่างยังไม่กลับมา ต้องอาศัยนักท่องเที่ยวในประเทศกระตุ้นธุรกิจให้ฟื้นชีวิต

รศ.ดร.นิพนธ์กล่าวว่า ปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจีดีพีจะเป็น 0% หรือบวกนิดหน่อย แต่ส่วนตัวประเมินว่าใกล้เคียง 0% หรืออาจติดลบ ส่วนที่ว่าโอกาส GDP ปี 2565 โต 6-8% นั้น ถ้าปีหน้าขึ้นไปบวก จะเรียกว่ากลับไปเหมือนปี 2562 คงไม่ได้ เพราะขึ้นจากฐานที่ต่ำมากหรือติดลบ ปัจจัยที่จะส่งผลให้จีดีพีปรับขึ้นต้องดูว่าภาคท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ทันไตรมาสสุดท้ายปีหน้าหรือไม่ ส่วนไตรมาส 1 ปี 2565 คงมาไม่ทัน

หวังเที่ยวในประเทศดันรายได้

แหล่งข่าวจากธุรกิจโรงแรมกล่าวว่า นโยบายเปิดประเทศในเชิงการตลาดถือเป็นการช่วงชิงโอกาสการตลาดด้วยการสื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว ส่วนมุมของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไม่ได้คาดหวังทั้งในเชิงปริมาณนักท่องเที่ยวและรายได้มากนัก เพราะประเมินตัวเลขจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์และสมุยพลัส รวมถึงภูเก็ตแซนด์บอกซ์ 7+7 หรือ Phuket Extension ช่วงกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่ายังมีไม่มากนัก ประเด็นหลักมาจากความพร้อมของประเทศต้นทาง

ใช้ Thailand Pass แทน COE

ด้านนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการที่ดูแลด้านการจัดทำแพลตฟอร์มเปิดประเทศ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมยกเลิกระบบการลงทะเบียน เพื่อขอรับหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย หรือใบ COE (Certificate of Entry) วันที่ 1 พ.ย. 2564 และนำระบบใหม่เรียกว่า Thailand Pass ซึ่งเป็นระบบ web-based มาใช้แทน โดยระบบดังกล่าวจะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ซึ่งเป็นผู้พัฒนา ขณะนี้ระบบพร้อมแล้ว

“ระบบนี้จะนำมาใช้ทั้งสำหรับคนต่างชาติและคนไทยที่จะเดินทางเข้าไทย เข้าไปลงทะเบียน ตามที่กำหนด อาทิ หลักฐานการฉีดวัคซีน การตรวจหาเชื้อโควิด ประกันโควิด ฯลฯ รวมถึงเอกสาร ตม.8 เข้าประเทศ ลดขั้นตอนการกรอกเอกสารตามระบบเดิม”

กทม.พร้อม ธุรกิจแห่ขอ SHA+

ในส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) ข้อมูล ณ วันที่ 15 ต.ค. 2564 มีสถานประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องผ่านมาตรฐาน SHA แล้ว 3,307 แห่ง ในจำนวนนี้มีสถานประกอบการที่สมัครขอรับมาตรฐาน SHA+ จำนวน 352 แห่ง 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.โรงแรม ที่พัก และโฮมสเตย์ 237 แห่ง 2.ภัตตาคารและร้านอาหาร 37 แห่ง 3.ร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่น ๆ 28 แห่ง 4.บริษัทนำเที่ยว 26 แห่ง 5.สุขภาพและความงาม 16 แห่ง

นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.มีความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 70% แล้ว

46 ประเทศเข้าไทยไม่กักตัว

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำที่เดินทางเข้าไทยได้โดยไม่กักตัวตามประกาศกระทรวงการต่างประเทศ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย ออสเตรเลีย ออสเตรีย บาห์เรน เบลเยียม ภูฏาน บรูไนดารุสซาลาม บัลแกเรีย กัมพูชา แคนาดา ชิลี จีน ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ

ฮังการี ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิสราเอล อิตาลี ญี่ปุ่น ลัตเวีย ลิทัวเนีย มาเลเซีย มอลตา เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ สโลวีเนีย สาธารณรัฐเกาหลี สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง

บุรีรัมย์เตรียมอัดอีเวนต์

โดยนายบดินทร์ เรืองสุขศรีวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเตรียมความพร้อมเปิดเมืองอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องมาตรการ จำนวนอีเวนต์ แคมเปญการท่องเที่ยวต่าง ๆ จะเริ่มที่อีเวนต์ขนาดเล็ก กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนนำร่องก่อน และเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ walk in เข้ามาอันดับแรก

ส่วนอีเวนต์ใหญ่ มีแผนจัดงานบุรีรัมย์มาราธอน 22 ม.ค. 2565 จะเปิดรับสมัคร 1 พ.ย. 2564 ขณะนี้มียอดจองโรงแรมที่พักจากนักท่องเที่ยวไทยเข้ามาแล้ว 70-80% ส่วนอีเวนต์อื่น ๆ เช่น มอเตอร์สปอร์ต หรือกิจกรรมขนาดใหญ่จะรอดูสถานการณ์ก่อน
ประจวบฯไม่คาดหวังต่างชาติ

นายศุรอัฐ ณรงค์ฤทธิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า มีความพร้อมรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ เช่นเดียวกัน ขณะที่ภาคบริการอย่างโรงแรม ร้านอาหาร ก็มีมาตรฐาน SHA Plus พร้อมแล้ว โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงตรวจพื้นที่เป็นระยะ ๆ ตอนนี้นักท่องเที่ยวไทยกลับมาเที่ยวแล้ว มียอดจองโรงแรม 90-100% จากที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่คาดหวังนัก เพราะเงื่อนไขเข้าประเทศ ยังมีข้อจำกัด

พัทยารอลูกค้าอังกฤษ-เยอรมัน

นายพิสุทธิ์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคตะวันออก โดยเฉพาะพัทยา พร้อมรับนักท่องเที่ยวแล้ว มีโรงแรมได้รับเครื่องหมาย SHA Plus 60-70 แห่ง คาดว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาช่วงเดือน ธ.ค. หรือหลังปีใหม่ 2565 เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งจะประกาศรายชื่อประเทศที่สามารถเข้าไทยโดยไม่ต้องกักตัว กว่านักท่องเที่ยวจะเตรียมตัวลางาน จองตั๋วเครื่อง ที่พัก เตรียมตัวก่อนบินอย่างน้อย 3 สัปดาห์

สำหรับลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาช่วงนี้เป็นกลุ่มโซนยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมัน ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าที่เคยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว

ราชประสงค์ชู 8 องค์เทพ

ด้านนายชาย ศรีวิกรม์ ประธานกลุ่มเกษร พร็อพเพอร์ตี้ เจ้าของโครงการเกษร วิลเลจ ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ เปิดแถลงข่าวขานรับนโยบายเปิดประเทศ จัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ชื่องาน “เทศกาลราชประสงค์ 8 องค์เทพ” คอนเซ็ปต์ LAND OF WISDOM โดยดึงเอกลักษณ์ 8 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในย่านดังกล่าว สร้างจุดขายให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาเที่ยวกรุงเทพฯ

ยกเลิกเคอร์ฟิว 17 จว.นำร่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 21 ต.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ลงนามในคำสั่งยกเลิกเคอร์ฟิวใน กทม. กับอีก 16 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวมีผล 5 ทุ่ม 31 ต.ค. 2564 1.กทม. 2.กระบี่

3.ชลบุรี (เฉพาะ อ.บางละมุง เมืองพัทยา ศรีราชา เกาะสีชัง และสัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่) 4.เชียงใหม่ (เฉพาะ อ.เมืองเชียงใหม่ ดอยเต่า แม่ริม และแม่แตง) 5.ตราด (เฉพาะ อ.เกาะช้าง) 6.บุรีรัมย์ (เฉพาะ อ.เมืองบุรีรัมย์) 7.ประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะ ต.หัวหิน และ ต.หนองแก) 8.พังงา

9.เพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ) 10.ภูเก็ต 11.ระนอง (เฉพาะเกาะพยาม) 12.ระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด) 13.เลย (เฉพาะ อ.เชียงคาน) 14.สมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) 15.สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) 16.หนองคาย (เฉพาะ อ.เมืองหนองคาย สังคม ศรีเชียงใหม่ และท่าบ่อ) 17.อุดรธานี (เฉพาะ อ.เมืองอุดรธานี บ้านดุง กุมภวาปี นายูง หนองหาน และประจักษ์ศิลปาคม)