AWC ชูพาร์ตเนอร์ชิปโมเดล Unlock value ธุรกิจ มุ่งทำงานร่วมเชนบริหารโรงแรมระดับโลก เผยมีฐานลูกค้ากลุ่มคุณภาพในเครือรวมกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ตอบโจทย์ Building a Better Future หนุนธุรกิจฟื้นตัวเร็ว พร้อมเดินหน้าโปรแกรม “AWC INFINITE LIFESTYLE” สร้างประสบการณ์ใหม่ผู้บริโภคทุกช่องทาง
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ 1 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ จัดงานสัมมนา “Thailand 2022 เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก” โดยภายในงานดังกล่าวนางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ ครบวงจร ได้ร่วมเสวนาพิเศษในหัวข้อ “Unlock value ก้าวสู่เส้นทางใหม่ ไร้ขีดจำกัด” ของภาคธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม อาคารสำนักงาน รวมถึงธุรกิจรีเทล ไว้ดังนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
นางวัลลภากล่าวว่า AWC เชื่อมั่นในพาร์ตเนอร์ชิปโมเดล โดยมุ่งเน้นทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ชิปที่มีความแข็งแกร่ง ทำงานร่วมกับเชนบริหารโรงแรมระดับโลกที่มากที่สุด อย่างแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เชนโรงแรมอันดับ 1 ของโลกมีฐานลูกค้ากว่า 200 ล้านคน หากรวมฐานลูกค้าของเชนโรงแรมอื่นๆ ในกลุ่ม AWC จะมีฐานลูกค้ารวมกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก
ดังนั้น เมื่อเปิดประเทศทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลกลับเข้ามาประเทศไทยได้เร็ว ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ล้วนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ มีกำลังซื้อสูง โดยเห็นชัดเจนว่าขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มการจองที่พักโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปกติอยู่ที่ประมาณ 2 คืนเศษ เพิ่มเป็นเฉลี่ยที่ 4-5 คืน ซึ่งสะท้อนว่านักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัท ได้ถือโอกาสของวิกฤตโควิดเพื่อปรับปรุงสินทรัพย์ทั้งหมด เพื่อดึงดูดนักทอ่งเที่ยวทั่วโลก นอกจากนี้ยังเตรียมลงทุนในโครงการใหม่คือ “ล้ง 1919” ซึ่งได้ลงนามสัญญาเช่าที่ดินจากกลุ่มตระกูลหวั่งหลีสำหรับพัฒนาโครงการเป็น “The Integrated Wellness Destination” พร้อมทั้งให้กลุ่มแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เชนโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของโลกในการเอา The Ritz-Carlton เข้ามาบริหาร ซึ่งโครงการนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกได้ชัดเจนขึ้นด้วย
“เราต่างจากคนอื่น เพราะเราเน้นการลงทุนที่เมืองไทย พร้อมสนับสนุนให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า หรือ Building a Better Future และรองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ โดยมองว่าจะสร้างมูลค่าแบบองค์รวมอย่างไร และรวมพาร์ตเนอร์ทั้งอุตสาหกรรมมาไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มมาตรฐานการให้บริการและเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน วันนี้ AWC ไม่ใช่แค่โรงแรม หรือแค่อาคารสำนักงาน หรือแค่รีเทล แต่เราเป็นไลฟ์สไตล์เรียลเอสเตท” นางวัลลภากล่าว
และย้ำว่า พาร์เนอร์คือหัวใจหลักของ และนำเอาจุดแข็งในแต่ละเชนที่พัฒนากันมาเป็นระยะเวลานานมารวมเข้าด้วยกัน เมื่อบวกกับศักยภาพของประเทศไทยที่สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทำให้ปัจจุบันเครือโรงแรม AWC มีอัตรการจองตรงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ที่สำคัญกลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่จะใช้กับธุรกิจโรงแรมเท่านั้นแต่ธุรกิจอื่น ๆ ก็เป็นไปในรูปแบบดังกล่าวนี้เช่นกัน
นางวัลลภากล่าวด้วยว่า อีกประเด็นหนึ่งที่เห็นชัดเจนหลังการระบาดของไวรัสอย่างคือ ธุรกิจเรียลเอสเตสไม่เหมือนเดิมแล้ว จากในยุคก่อนโควิดที่บริษัทฯจะบริหารแบบแยกหน่วยธุรกิจ แต่วันนี้ AWC เดินหน้าโมเดลใหม่ที่รวมทุกธุรกิจเข้าด้วยกัน นำฐานลูกค้ามารวมกัน ทำงานร่วมกัน และวงแผนการตลาดที่ครอบคลุมทุกธุรกิจ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทุกอย่างจะออกมารองรับพฤติกรรมใหม่ที่จะ anywhere และ anytime
โดยที่ผ่านมาได้ออกบริการที่เรียกว่า “AWC INFINITE LIFESTYLE” มาสร้างออมนิเอ็กซ์พีเรียนซ์ หรือสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในหลากหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ที่สำคัญลูกค้ายังสามารถออกแบบการใช้ชีวิตทั้งการทำงานและการพักผ่อนด้วยสินค้าและบริการคุณภาพระดับพรีเมี่ยมจากพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial)
- CPF เปิดมุมมอง Unlock ภายใต้โควิด ต้องบริหารความกลัว-พัฒนาองค์กร
- กรุงไทย ดันแอปเป๋าตัง Unlock Value เครื่องมือลงทุน ต่อยอดคู่ค้า
- ดร.ศุภวุฒิ เตือนรับมือสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้ง สกัดเงินเฟ้อขาขึ้น
- ผู้ว่าการ ธปท.เปิด 3 แนวทางนโยบายการเงิน-การคลัง Unlock value ฟื้นเศรษฐกิจไทย
- อาคม ชู Unlock เศรษฐกิจประเทศ ปีหน้าคลี่คลาย 100%