นายกสมาคมโรงแรมชี้ปีหน้ายังเหนื่อย คาดต่างชาติเข้าไทยราว 4 ล้านคน

มาริสา สุโกศล หนุนภักดี

นายกสมาคมโรงแรมไทยคาดปีหน้าต่างชาติเข้าไทยราว 3.9-5 ล้านคน และต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก โรงแรมรายย่อยต้องปิดตัว จี้รัฐเปิดโต๊ะเจรจากับจีนดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย เผยระยะยาวควรปรับตัวรับแนวคิดท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และมองหาตลาดใหม่ ๆ

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2564 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2564 สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ภายใต้หัวข้อ “ทางรอด 2022 Survival Guide” ว่า ในปีนี้อุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 คาดว่าปีนี้จะมียอดนักท่องเที่ยวเดินต่างชาติราว 3-4 แสนคน ส่วนในปี 2565 ภาคการท่องเที่ยวน่าจะยังคงได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยราวเดือนละ 3 แสนคน หรือทั้งปีราว 3.9 ล้านคน

นางมาริสา กล่าวต่อว่า ในปี 2565 หากมีปัจจัยบวกเพิ่มเติม จนทำให้มีนักท่องเที่ยวถึง 5 ล้านคน เชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ดี ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวตอนนี้เป็นส่วนของต่างประเทศ ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะทำให้ทั้งภาคอุตสาหกรรมดำเนินกิจการต่อไปได้อยู่ที่ 10 ล้านคนขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดหวังว่าจะดึงตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียมาทดแทนตลาดจีน แต่เมื่อพิจารณาจำนวนนักท่องเที่ยวในอดีตจะพบว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยอยู่ที่ราว 11 ล้านคน แต่นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทยเพียง 2 ล้านคน ซึ่งตลาดอินเดียอาจจะยังไม่สามารถทดแทนตลาดจีนได้

“อยากให้รัฐบาลเปิดเวทีพูดคุยกับทางประเทศจีน เพราะตลาดการท่องเที่ยวไทยพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนมากเหลือเกิน” นางมาริสากล่าว

นางมาริสา กล่าวต่อว่า ในปี 2565 ประเทศไทยยังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลัก รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากทางรัฐบาล เช่น เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งโรงแรมหลายแห่งได้รับประโยชน์จากส่วนนี้ อีกทั้ง โรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่งพึ่งพารายได้จากการจัดงานประชุมของภาครัฐ ดังนั้น จึงขอให้ภาครัฐจัดงานประชุมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

นางมาริสา กล่าวว่า ปัจจุบันโรงแรมที่เปิดให้บริการเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น โรงแรมที่เจาะตลาดกลุ่มทัวร์ยังคงต้องรอการฟื้นตัวสักพัก โรงแรมระดับ 3-4 ดาว ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างยากลำบาก หลายแห่งอาจถอดใจขอปิดกิจการ

นอกจากนี้ ภายในอุตสาหกรรมยังประสบปัญหาด้านแรงงาน พนักงานไม่ได้มีรายได้เต็มอัตรามาเป็นเวลานาน แม้พนักงานทำงานเต็มเวลา แต่ยังไม่ได้รับค่าแรงเต็มที่ อีกทั้งมีโรงแรมส่วนหนึ่งที่ปลดพนักงานไปตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ส่งผลให้แรงงานเหล่านี้กลับไปทำงานในต่างจังหวัด และจนถึงตอนนี้แรงงานจำนวนหนึ่งยังไม่กลับเข้ามาในภาคอุตสาหกรรมบริการ ทำให้ตอนนี้ หากโรงแรมต้องการจ้างพนักงานใหม่ที่มีประสบการณ์สูง จำเป็นต้องจ่ายอัตราเต็ม ซึ่งกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จะได้รับผลกระทบ

สำหรับการท่องเที่ยวไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า นางมาริสา กล่าวว่า ยังเห็นอนาคตที่สดใส และเห็นแนวโน้มการปรับตัวสู่แนวคิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การกระจายรายได้แก่ชุมชน และอุตสาหกรรมควรให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยระยะยาว มีอัตราการใช้จ่ายสูง และตระหนักถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อม

“ในต่างประเทศเริ่มมีการจำกัดนักท่องเที่ยวกันแล้ว นักท่องเที่ยวเข้ามาก็ต้องช่วยส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว ไม่ใช่สร้างผลกระทบ และเราทุกคนต้องช่วยกันพัฒนาการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ” นางมาริสากล่าว


มาริสา กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง ไทยยังสามารถขยายตลาดการท่องเที่ยวไปได้อีกมาก ทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ (MICE) กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำงานจากทุกที่ (Digital nomad) หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ซึ่งโรงแรมต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และโรงแรมที่จะอยู่รอดในอนาคต คือ โรงแรมที่สร้างความแตกต่างให้กับตนเอง เช่น นำเสนอแหล่งท่องเที่ยว-ร้านค้าในชุมชนรอบข้าง เพื่อสร้างมูลค่าให้กับโรงแรมเอง