รมว.ท่องเที่ยวคืน 8 แสนสิทธิ “ทัวร์เที่ยวไทย” ดันเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4

พิพัฒน์ รัชกิจประการ
สัมภาษณ์พิเศษ

เกิดประเด็นร้อนมากสำหรับกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะยุติโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” เพื่อนำงบประมาณไปขับเคลื่อนโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” หรือกรณีที่ภาคเอกชนออกมารุมค้านนโยบายเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” 300 บาท ในวันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป

รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐบาลรีบนำการเข้าประเทศในรูปแบบ test & go กลับมาและเดินหน้าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 โดยเร่งด่วน

“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ตอบทุกประเด็นที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยสำหรับปี 2565 ไว้ดังนี้

คืน 8 แสนสิทธิ “ทัวร์เที่ยวไทย”

“พิพัฒน์” บอกว่า ในส่วนของโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ที่มีจำนวน 1 ล้านสิทธิ ภายใต้วงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้กระทรวงได้เจรจากับทางสภาพัฒน์เรียบร้อยแล้วว่าจะขอคืนสิทธิ จำนวน 800,000 สิทธิหรือกรอบงบประมาณ 4,000 ล้านบาท เหลือไว้ดำเนินการต่อ 200,000 สิทธิ สิ้นสุดโครงการ 30 เมษายน 2565

ทั้งนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าหลังจากโครงการดังกล่าวนี้ดำเนินไปแล้ว 3-4 เดือน มีผู้ใช้สิทธิไปเพียง 27,000-28,000 สิทธิ์เท่านั้น ประกอบกับด้วยสถานการณ์ของไวรัสโควิดที่ยังแพร่ระบาดต่อเนื่องทำให้คนไม่นิยมเดินทางท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ

“อยากบอกผู้ประกอบการภาคเอกชนว่า ยอมรับความจริงเถอะว่าโครงการทัวร์เที่ยวไทยไม่เวิร์ก เมื่อเดินหน้าต่อไม่ได้ก็ต้องเอางบประมาณคืนรัฐบาลไปทำประโยชน์เรื่องอื่น แล้วไปโฟกัสโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ภายใต้กรอบงบประมาณ 13,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ รวมถึงโครงการใหม่ ๆ ดีกว่า”

อย่างไรก็ตาม หากจำนวน 200,000 สิทธิ์ที่เหลือนั้น ภาคเอกชนท่องเที่ยวสามารถดำเนินการได้ และจำนวนสิทธิ์หมดก่อน 30 เมษายน 2565 ทางกระทรวงจะรีบดำเนินการของบประมาณก้อนใหม่มาทำโครงการในลักษณะเดียวกันนี้ต่อไป

ยันเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน”

สำหรับกรณีที่กระทรวงประกาศเก็บค่าธรรมเนียมท่องเที่ยว หรือ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” ไปแล้วนั้น “พิพัฒน์” บอกว่า ตนยังยืนยันเดินหน้าจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวตั้งแต่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป เหมือนที่ได้ประกาศออกไปแล้ว

ทั้งนี้ เนื่องจากนโยบายดังกล่าวเป็นไปตามพระราชบัญญัติท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562

ที่สำคัญ กองทุนเดิมที่ดูแลและจ่ายเงินชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาจากสำนักงบฯ กระทรวงการคลัง และงบฯดังกล่าวได้ถูกตัดไปแล้วตั้งแต่ปี 2562 กฎหมายฉบับใหม่จึงออกมาให้กระทรวงหาวิธีไปจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเอง

“ประเด็นการจัดเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินนี้มีการพุดคุยกันมาตั้งแต่ 2558 ผมเข้ามาในช่วงที่ทางกระทรวงอยู่ระหว่างการให้มหาวิทยาลัยนเรศวรทำการศึกษา พอศึกษาเสร็จโควิดมา ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ประเด็นนี้จึงยังไม่ได้รับมาปฏิบัติ” พิพัฒน์ย้ำ

พร้อมบอกด้วยว่า หลังจากที่กระทรวงประกาศว่าจะเก็บค่าเหยียบแผ่นดินออกไป มีผู้ใหญ่หลายคน โทร.มาเบรกแล้ว แต่ตนไม่สนใจ และยังยืนยันว่าจะเดินหน้าจัดเก็บต่อไป เพราะคิดว่าผู้ใหญ่เขาไม่รู้รายละเอียด ทำให้กลัวว่านักท่องเที่ยวจะไม่เข้ามาเพราะเหตุผลว่าต้องจ่ายเพิ่ม 300 บาท

แต่สำหรับตนที่นั่งบริหารอยู่ในจุดนี้ขอยืนยันว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเดินหน้าจัดเก็บต่อไป ซึ่งเร็วสุดคือ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป

วางเป้าปีนี้ นทท. 8 ล้านคน

“พิพัฒน์” บอกด้วยว่า สถานการณ์ในปี 2565 นี้ถือว่าเป็นความท้าทายมากสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ถ้าสามารถฟื้นฟูการท่องเที่ยวได้ สามารถเอารายได้เข้าสู่ประเทศได้ จะเป็นการลงทุนของประเทศไทยที่ต่ำที่สุด แต่ได้รายได้มากที่สุด

เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการลงทุนไว้ให้หมดแล้ว รัฐบาลเพียงแต่หาวิธีทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ประเด็นนี้คือสิ่งที่กระทรวงนี้ต้องทำ

“ความท้าทายที่อยากทำให้ได้ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดของปีนี้คือ ทำอย่างไรให้ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยที่ 8 ล้านคน มีเป้าหมายด้านรายได้ที่ 1.3-1.8 ล้านล้านบาท โดยตัวเลขนี้รวมคนไทยเดินทางที่จำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง”

พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า หากได้ตลาดแค่ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านคน หากได้อินเดีย รัสเซีย เพิ่มตัวเลขน่าจะได้ถึง 7-8 ล้านคน

และหากได้ตลาดจีนและเปิดด่านค้าชายแดนคาดว่าน่าจะได้ถึง 15 ล้านคน

Test & Go กลับมา 1 กุมภาฯ

“พิพัฒน์” ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงแผนการนำรูปแบบการเข้าประเทศโดยไม่กักตัวในรูปแบบ test & go กลับมาใช้อีกครั้งด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าขณะนี้รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าใจเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นอย่างดีแล้ว

ทางกระทรวงจึงเตรียมเสนอให้รัฐบาลพิจารณานำ test & go กลับมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป หลังจากปิดลงทะเบียนเข้าประเทศในรูปแบบ test & go
ในระบบ Thailand Pass เป็นการชั่วคราวไประยะหนึ่ง

“ตอนนี้เราเตรียมทำแผนเสนอที่ประชุม ศบค.ในสัปดาห์หน้านี้ เพื่อให้เดินหน้า test & go แล้ว เพราะเราเชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขสามารถบริหารและควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีระดับหนึ่งแล้ว”

ดันเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4

นอกจากนี้ในส่วนของการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวตลาดในประเทศนั้น “พิพัฒน์” ระบุว่า ทางกระทรวงเตรียมนำเสนอที่ประชุม ครม.เดินหน้าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 จำนวน 2 ล้านห้อง (room night) ภายใต้กรอบงบประมาณ 13,200 ล้านบาท ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ เพื่อเปิดให้ลงทะเบียนและเดินหน้าโครงการได้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้

“สิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 นั้นหมดไปตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา จากนั้นวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ครม.ได้เห็นชอบและมีมติอนุมัติการเพิ่มจำนวนห้องพักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 อีกจำนวน 2 ล้านห้อง สิ้นสุดโครงการวันที่ 30 เมษายนปีนี้”

เมื่อถามว่ามีแนวโน้มว่าจะนำเสนอโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” เที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว ตามที่ภาคเอกชนนำเสนอหรือไม่ “พิพัฒน์” ตอบว่า ประเด็นนี้อยากถามกลับไปยังบริษัททัวร์ว่า วันนี้คนที่คิดเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์มีเหลือสักเท่าไหร่

เพราะส่วนตัวมองว่าใคร ๆ ก็รู้ว่าในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ไม่มีใครนิยมเดินทางท่องเที่ยวแบบเป็นกรุ๊ป ดันไปก็ไม่เกิด

พร้อมทิ้งท้ายว่า กระทรวงพร้อมเดินหน้าและสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเดินได้ถึงเป้ารายได้ที่ 1.3-1.8 ล้านล้านบาทในปีนี้

และย้ำว่า แม้เป้าหมายนี้จะเป็นอะไรที่สุดท้าทาย แต่ส่วนตัวก็ชอบสิ่งที่ท้าทายเช่นกัน