“ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์”รุกอาเซียน เปิดบินกรุงเทพฯ-เซบู

“ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์” รุกตลาดประเทศในกลุ่มเออีซี ล่าสุดเปิดเส้นทางใหม่ “กรุงเทพฯ-เซบู” รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว ประชุมสัมมนา พร้อมเชื่อมเส้นทางการการบิน-ท่องเที่ยวรอบอาเซียน

นายเออร์วิน เอฟ บาลาเน่ หัวหน้าแผนกพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ เปิดเผยถึงการพัฒนาและการเติบโตของการท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ ว่า ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติด้านการท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเกาะถึง 7,641 เกาะ ประกอบกับการรวมตัวของกลุ่มประเทศในกลุ่มเออีซี (AEC) ที่ได้ส่งสัญญาณเชิงบวกทั้งในด้านของการลงทุน การดำเนินธุรกิจ และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น จึงได้ร่วมกับฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ พัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ให้เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนมากยิ่งขึ้น

โดยล่าสุดได้เปิดเส้นทางการบินใหม่เส้นทางกรุงเทพฯ-เซบู (ฟิลิปปินส์) เมืองท่องเที่ยวและเมืองธุรกิจสำคัญที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของฟิลิปปินส์ ทำให้คาดว่าเซบูจะเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมจากการเดินทางที่สะดวกมากขึ้นด้วย

“ปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของฟิลิปปินส์จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ส่วนนักท่องเที่ยวจากอาเซียนและประเทศไทยยังถือว่าไม่มากนัก” นายเออร์วิน

ด้านนางสาวไอลีน เอ็ม ซานโตส ผู้จัดการเขตพื้นที่ประจำประเทศไทย ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ กล่าวว่า ปัจจุบันฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์มีเส้นทางการบินภายในประเทศกว่า 30 เส้นทาง และระหว่างประเทศกว่า 40 เส้นทาง มีการเติบโตของรายได้ปีละประมาณ 10-20%

การเปิดเส้นทางการบินกรุงเทพฯ-เซบู เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาเส้นทางการบินให้เชื่อมต่อกับเมืองสำคัญของฟิลิปปินส์เพิ่มมากขึ้น โดยเซบูเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากมะนิลา และจะเป็นประตูบานใหม่ของการท่องเที่ยวที่จะทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักกับฟิลิปปินส์เพิ่มมากขึ้น


โดยเส้นทางการบินใหม่นี้ให้บริการเที่ยวบินแรกไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยเครื่อง A321 จำนวน 199 ที่นั่ง ความถี่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากกรุงเทพฯ วันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ และจากเซบูวันอังคาร พฤหัสฯ และเสาร์ โดยกลุ่มเป้าหมายของเส้นทางการบินนี้จะเป็นกลุ่มงานประชุมสัมมนาและกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยในเบื้องต้นนี้ตั้งเป้าผู้มาใช้บริการเส้นทางใหม่นี้ที่เดือนละ 1,200 คน