ททท.เปิดงาน เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 18-22 ก.พ. ณ สวมลุมพินี

ททท. เปิดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งที่ 40 ประจำปี 2565” อย่างเป็นทางการ 18-22 ก.พ.นี้ 11.00-21.00 น. ณ สวนลุมพินี 

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ร่วมทำพิธีเปิด “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565” โดยได้รับเกียรติจากคณะทูตานุทูต ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมงาน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

นายอนุทิน กล่าวว่า เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2565 มุ่งหวังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวจากวิกฤตโควิด-19 และพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย โดยมุ่งเปิดความอัศจรรย์ของการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในทุก ๆ ด้าน ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา และวิถีชีวิต นำไปสู่การสร้างรายได้แก่ฐานราก ก่อเกิดเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

นายพิพัฒน์ กล่าวเสริมว่า ททท. ได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ และกรุงเทพมหานคร ตอกย้ำประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เสนอเมนูท่องเที่ยวแห่งความสุขควบคู่ความปลอดภัย โดยมีมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวด รวมถึงมีการจัดแบ่งโซนภายในงานอย่างชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงเย็นของวันแรก (18 ก.พ.) เป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ร่วมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมเยี่ยมชมงาน จับจ่ายสินค้า OTOP จากหลากหลายท้องถิ่น รวมถึงอาหารจากหลายร้านค้าภายในงาน และชมการแสดงที่จัดขึ้นในเวทีต่าง ๆ แต่ละโซน

สำหรับงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 40 ประจำปี 2565 ททท. ได้ออกแบบแลนด์มาร์ก กิจกรรมชุมชน และการแสดงเชิงวัฒนธรรมและร่วมสมัย ผ่าน 5 โซนหมู่บ้าน และประสบการณ์ท่องเที่ยวใน 4 โซนกิจกรรม ได้แก่

โซนที่ 1 โฉมใหม่ท่องเที่ยวไทย AMAZING NEW CHAPTERS จุดเริ่มต้นพลิกโฉมการท่องเที่ยว กิจกรรมจาก อ.ส.ท. โชว์นวัตกรรมท่องเที่ยวใหม่ ๆ เช่น Metaverse Virtual Influencer หรือกิจกรรม Coffee Showcase

โซนที่ 2 หมู่บ้านภาคตะวันออก นำเสนอแนวคิด “East at Ease สบ๊ายสบายภาคตะวันออก” สาธิตสินค้าชุมชน OTOP เล่าเรื่องราวอาหารภาคตะวันออกในสไตล์ “Food Explorer”

โซนที่ 3 หมู่บ้านภาคกลาง นำเสนอแนวคิดท่องเที่ยว “เทรนดี้ C2 ภาคกลาง : 6 พลังบวกในหมู่บ้านภาคกลาง” อิ่มอร่อยกับร้านอาหารอร่อยเด็ด 7 ย่านน้ำในบรรยากาศตลาดย้อนยุค

โซนที่ 4 หมู่บ้านภาคเหนือ นำเสนอแนวคิด “เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ (North Nostalgia)” พาสัมผัสแลนด์มาร์กบันไดพญานาคทางเข้าวัดหลวงขุนวิน จังหวัดเชียงใหม่ เปิดประสบการณ์เส้นทางชา-กาแฟ เทศกาลประเพณี

โซนที่ 5 หมู่บ้านภาคใต้ นำเสนอแนวคิด “Savory South หรอยแรงแหล่งใต้” สัมผัสวัฒนธรรมภาคใต้ การแสดงมโนราห์ หนังตะลุง และลิเกฮูลู พร้อมอร่อยกับอาหารท้องถิ่นภาคใต้

โซนที่ 6 หมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสนอแนวคิด “Isan in love หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน” นำเสนอเรื่องราวในมุมมองใหม่ผ่านสินค้าทางการท่องเที่ยว เชื่อมโยงวัฒนธรรมประเพณีฮีตสิบสองคองสิบสี่ ม่วนชื่นกับการแสดงหมอลำ

โซนที่ 7 STREET FOOD กทม. นำเสนอสีสันมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ความพิเศษของ Street Food อาหารเด็ดของกรุงเทพฯ ของดีบางกอก 50 ร้าน

โซนที่ 8 เวทีกลาง (MAIN STAGE) การแสดงศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาและวิถีชีวิตแต่ละภูมิภาค โซนที่ 9 เที่ยวไทยแบบใหม่ STYLE NEW NORMAL นำเสนอแนวคิด เส้นทางความสุข “เที่ยวไทยมั่นใจไปกับ SHA” ผ่านจิ๊กซอว์สำคัญเทรนด์การท่องเที่ยวของโลกยุคปัจจุบันสู่การท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน (Responsible Tourism)

นางอรษา งามนิยม ประธานวิสาหกิจชุมชนน้ำใสดอกไม้สวย กล่าวว่า ตนและวิสาหกิจชุมชนร่วมออกงานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอศครีม ภายใต้บูธ “ไอดินกลิ่นข้าว” ในโซนที่ 7 Street food กทม. โดยไอศครีมดังกล่าวมีส่วนผสมของข้าวที่วิสหากิจชุมชนปลูกเอง บนเนื้อที่รวมกว่า 20,000 ไร่ ในพื้นที่เขตคลองสามวา ซึ่งถือเป็นนาข้าวผืนใหญ่ที่สุดผืนหนึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร

นางอรษา กล่าวต่อว่า ข้าวที่ได้จากผืนนาของชุมชนมีจุดเด่นคือ ปราศจากสารเคมี รวมถึงได้รับสัญลักษณ์ Q การันตีคุณภาพจากรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการรวมกลุ่มดังกล่าวยังสร้างรายได้ให้กับชุมชน ช่วยปลดภาระหนี้สินของเกษตรกรสมาชิกได้

ทั้งนี้ ททท. แนะนำให้ผู้เข้าร่วมงานใช้บริการขนส่งสาธารณะ โดยสามารถเดินทางเข้ามายังสวนลุมพินี ได้หลายวิธี ได้แก่ รถไฟฟ้า MRT สถานีสีลม ทางออกที่ 1 (ขึ้นหน้าสวนลุมพินี หลังอนุสาวรีย์ ร.6) / รถไฟฟ้า BTS สถานีศาลาแดง และเดินผ่าน Sky Walk เข้าสู่สถานี MRT สีลม ออกทางออกที่ 1 ของสถานี MRT / รถประจำทาง สาย 4, 13, 14A, 15, 29, 45, 47, 50, 62, 67, 76, 77, 89, 505

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันที่ 18 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.00 – 21.00 น. ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร