พิพัฒน์นำผู้ประกอบการไทยเดินสายบุกตลาดท่องเที่ยวตะวันออกกลาง

พิพัฒน์ รัชกิจประการ

พิพัฒน์ รมว.การท่องเที่ยวฯ นำผู้ประกอบการไทยเดินสายบุกตลาดการท่องเที่ยวตะวันออกกลาง ร่วมงาน ATM 2022 พร้อมลงนามร่วมมือ OTA รายใหญ่ในภูมิภาค พบยอดค้นหาข้อมูลเมืองไทยเดือน พ.ค. พุ่ง 1,100%

วันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมงาน Arabian Travel Mart 2022 เมื่อวันที่ 9-12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งงานดังกล่าวเป็นงานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในตลาดตะวันออกกลาง

โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกมากกว่า 30,000 ราย จาก 150 ประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่เข้าร่วมงานประกอบด้วยโรงแรม 18 แห่ง โรงพยาบาล 3 แห่ง สวนสนุก 1 แห่ง และบริษัทนำเที่ยว 2 แห่ง

รายงานระบุว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกรายมีการนัดหมายธุรกิจโดยเฉลี่ย 128 นัดหมายต่อราย หรือมากกว่า 3,000 นัดหมายตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมงาน 4 วัน โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปีประมาณ 1,000 ล้าน บาท โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มตลาดระดับบน กลุ่มตลาดครอบครัว กลุ่มรักษาพยาบาล และผู้ประกอบการหลายรายได้รับการจองทันทีหลังจบงาน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation) ระหว่าง ททท. ร่วมกับบริษัท Almosafer Online Travel Agency รายใหญ่ที่สุดของตลาดซาอุดีอาระเบียและคูเวต และครองส่วนแบ่งการตลาดติด 1 ใน 3 ของภูมิภาคตะวันออกกลาง และแอฟริกาทางตอนเหนือ

โดยตั้งเป้าส่งเสริมประเทศไทยในตลาดซาอุดีอาระเบีย และตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่ (Arab Millennials) ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มหลักในตลาดมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 40 และเป็นกลุ่มฐานข้อมูลหลักของบริษัทมีจำนวนมากกว่า 2.5 ล้านราย

รายงานระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2565 ประเทศซาอุดีอาระเบียอนุญาตอย่างเป็นทางการให้พลเมืองเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยได้ มีการค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวมาประเทศไทยทางเว็บไซต์ของ Almosafer เพิ่มขึ้นมากกว่า 470% และสถิติในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาการค้นหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 1,100% โดยทันที เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปี

นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง ททท. กับสายการบิน Saudia สายการบินแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย โดยร่วมกันหารือเพื่อขยายความร่วมมือในระดับ Global Campaign เน้นนำเสนอสินค้าและบริการ Niche Market ของประเทศไทย อาทิ Luxury, Health & Wellness เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย

โดย 3 ประเด็นหลัก ในการหารือ มีดังต่อไปนี้ 1.นายพิพัฒน์รัชกิจประการ เสนอเรื่องการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวแบบ 2 ทาง (Two Way Tourism) ระหว่างไทย และซาอุดีอาระเบีย 2.ขอให้พิจารณาผลักดันการเพิ่มโควตาให้กลุ่มชาวไทย-มุสลิม ที่เดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์ในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้น

และ 3.ขอให้สายการบิน SAUDIA พิจารณาเปิดเส้นทางบินเพิ่มเติม เช่น เส้นทางบินตรงจากซาอุดีอาระเบียภูเก็ต เป็นต้น ทั้งนี้ สายการบิน SAUDIA สายการบินขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของภูมิภาคตะวันออกกลางในเชิงรายได้ ได้เปิดเส้นทางบินตรงเข้าสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ก่อนวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเข้าประเทศไทยปีละประมาณ 533,237 คน สร้างรายได้เข้าไทยมากกว่า 41,290 ล้านบาท ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยว คุณภาพสูง มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปต่อคนสูงที่สุดตลาดหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยอยู่ที่ประมาณ 75,000 บาท ต่อทริป

นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมเดินทางท่องเที่ยวเป็นครอบครัวใหญ่ และเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยตลาดหลักของภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต บาห์เรน กาตาร์

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่เข้าร่วมงานมีความประสงค์ให้รัฐบาลไทยพิจารณายกเลิก Thailand Pass ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง