เป็นห่วงหนักมาก ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยจะประสบปัญหาอีกครั้งหลังวิกฤตโควิดทั่วโลกคลี่คลาย เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนฟากของ “ซัพพลาย” ในการรองรับไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รถ เรือ บริษัทนำเที่ยว ฯลฯ ยังไม่พร้อมมากนัก โดยเฉพาะในเรื่องของ “บุคลากร”
“ดร.สุรพงษ์ วีระศิลป์ชัย” นายกสมาคมบุคลากรด้านการท่องเที่ยวไทย บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โควิด-19 ทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยไม่จำกัดว่าเป็นแรงงานที่ใช้ทักษะหรือแรงงานกรรมาชีพ เพราะห่วงโซ่ภาคการท่องเที่ยวประกอบด้วยแรงงานจากหลายภาคส่วน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ช่วงเวลาที่ผ่านมาทุกคนต้องปากกัดตีนถีบ มัคคุเทศก์ส่วนหนึ่งก็หันไปทำสวน ขายของ เมื่อเขาเจอช่องทางรายได้ เขาก็ไม่กลับมา เด็กรถ-เด็กเรือก็ไม่กลับมา
โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในปัจจุบันยังไม่ใช่นักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมเหมือนก่อนสถานการณ์โควิด-19 ส่วนหนึ่งยืนยันจากมัคคุเทศก์จำนวนหนึ่งที่ยังไร้งานทำ รวมถึงผู้ประกอบการรถทัวร์ยังได้รับผลกระทบอยู่
นอกจากนี้ ยังพบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางในขณะนี้มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป คือ หันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น สามารถออกเดินทางได้เลยโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัททัวร์
“ผมเปรียบโลกท่องเที่ยวเป็นเหมือนโลกมายา เมื่อเข้าแล้วก็ออกได้ยาก ปัจจุบันไกด์ยังไม่มีงาน แต่ผมเชื่อว่าถ้านักท่องเที่ยวกลับมา แรงงานก็จะกลับมาเช่นกัน ผมมั่นใจ” ดร.สุรพงษ์กล่าว
และเสนอว่ารัฐบาลควรจัดทำแผนการดำเนินงาน (roadmap) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยจัดโปรโมชั่นจูงใจชาวไทยให้ออกเดินทางท่องเที่ยว ในระหว่างที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเดินทางเข้ามาไม่มากนัก และรัฐอาจปรับลดมาตรฐาน กฎเกณฑ์บางประการ เพื่อให้ชุมชนเข้าร่วมได้
รวมถึงส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชน ไม่ควรกระจุกที่แหล่งท่องเที่ยวแห่งใดแห่งหนึ่ง เพราะปัจจุบันพบปัญหาการกระจายรายได้ภาคการท่องเที่ยวไม่ทั่วถึง ควรเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ โดยอาจนำเสนออัตลักษณ์ที่แตกต่างไปในแต่ละชุมชน ใช้สื่อสังคมออนไลน์ร่วมโปรโมตเพื่อให้เกิดความต้องการท่องเที่ยว
“ดร.สุรพงษ์” ยังบอกด้วยว่า สำหรับปัจจัยที่จะสามารถ “รีสตาร์ต” เครื่องยนต์ภาคการท่องเที่ยวได้นั้นจำเป็นต้องใช้ “เงินทุน” เพราะการจะกลับมาเปิดกิจการที่ปิดชั่วคราวไปนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องซ่อมแซมอาคารสถานที่ รถ เรือ ฯลฯ ที่ถูกทิ้งไว้จำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษา
แต่ด้วยสถานการณ์กว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันผู้ประกอบการหลายรายขาดแคลนเงินทุนที่จะกลับมาเปิดกิจการ ในประเด็นนี้รัฐบาลควรเข้ามาช่วยเหลือให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือปลอดดอกเบี้ยแก่ผู้ประกอบการ
รวมถึงตั้งกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการกลับมา “ตั้งตัว” ได้อีกครั้ง ที่สำคัญต้องขอให้สถาบันการเงินพิจารณาปล่อยเงินกู้แก่กลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ค่อนข้างยาก
นอกจากนี้ ยังเสนอให้นำนักเรียน นักศึกษาสายอาชีพ มาร่วมในการซ่อมแซมปรับปรุงฟื้นฟูกิจการ เช่น นำนักศึกษาด้านช่างกลมาซ่อมแซมเรือที่จอดทิ้งไว้ภายใต้การควบคุมของอาจารย์ อันจะถือเป็นทั้งการฝึกประสบการณ์แก่ผู้เรียน และยังช่วยผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่ายได้
พร้อมทิ้งท้ายว่า คนท่องเที่ยวรู้สึกน้อยใจ เพราะในอดีตเราเคยนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยจำนวนมหาศาล จึงอยากขอให้รัฐบาลเหลียวแลและสนับสนุนให้กลุ่มผู้ประกอบการมีโอกาสได้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่กันอีกครั้ง เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา