ชี้ธุรกิจไมซ์กำลังฟื้นตัว จับตาตลาดท่องเที่ยวมาเลเซีย-อินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวมาง่ายค่าใช้จ่ายไม่สูง ภาคเอกชนเสนอไอเดียรูตนักท่องเที่ยวไมซ์ประชุมเมืองหลัก-เที่ยวเมืองรอง ตอบโจทย์กระตุ้นท้องถิ่น
วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศในภูมิภาคอาเซียน เป็นอีกหนึ่งกุญแจที่สำคัญของภาคการท่องเที่ยวไทย ข้อมูลจากสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในปี 2562 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวรวม 39.9 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนจำนวน 10.7 ล้านคน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ด้วยการสนับสนุนหลักจาก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ จัดงาน IMT – GT MICE Business Conference ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับนักเดินทางเป้าหมายจากกลุ่มประเทศ IMT-GT (ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย) กิจกรรมประกอบด้วย การให้ความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับนักเดินไมซ์ทางจากประเทศกลุ่ม IMT-GT การทำกิจกรรม Workshop Business Plan และการทำ Table Top Sale Business Matching
งานดังกล่าวมีการบรรยายหัวข้อ “มุมมองโอกาสและทิศทางตลาดท่องเที่ยวและไมซ์ไทย และตลาด IMT-GT หลังเปิดประเทศ” โดย ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า ข้อมูลจากองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่า ในเดือนมกราคม 2565 มีนักเดินทางออกเดินทางทั่วโลกกว่า 18 ล้านคน การท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
และเกิดแนวโน้มการท่องเที่ยวเพื่อล้างแค้น (Revenge Tourism) ขึ้น เพื่อชดเชยช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และประเมินว่าหลังจากรัฐบาลแต่ละท้องถิ่นเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง จะเห็นแนวโน้มการเติบโตของภาคท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังต้องเจอความท้าทายจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาโรคระบาด ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรม รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มอายุน้อยมีแนวโน้มจอง-ซื้อผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวผ่านช่องทางโดยตรงมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเอเย่นต์ต่าง ๆ ต้องปรับโมเดลธุรกิจ พร้อมยกระดับมาตรฐานการให้บริการ
ดร.อดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ผู้ประกอบการอาจต้องสร้างพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น พร้อมกับสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจไมซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ต้องการบริการที่มีลักษณะเฉพาะ ผู้ให้บริการที่มีทักษะหลากหลาย
“ในอดีตเราสู้กันด้วยเรื่องราคา แต่อาจละเลยการสร้างมูลค่าในผลิตภัณฑ์บริการ โจทย์คือเราต้อง Upskill และ Reskill พนักงาน” ดร.อดิษฐ์กล่าว
สำหรับเทรนด์การท่องเที่ยวในยุคหลังโควิด-19 ดร.อดิษฐ์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวมีความต้องการความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน รวมไปถึงความปลอดภัยด้นสาธารณสุข และพบว่านักท่องเที่ยวต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยอาจมีการรวมกลุ่มในขนาดที่เล็กลง
นางสาววชิรา วิชัยวัฒนะ อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า 6 เดือนแรกของปี 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปต่างประเทศจำนวน 1.08 ล้านคน และคาดว่าตลอดทั้งปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปต่างประเทศราว 2 ล้านคน
สำหรับประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย เป็นสองประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปได้ง่าย ใช้งบประมาณไม่สูง โดยในปี 2562 นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปมาเลเซียราว 1.8 ล้านคน และประเมินว่าในปี 2565 นี้ เริ่มมีชาวไทยเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียบ้างแล้ว ส่วนใน 4 เดือนแรกของปี 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปอินโดนีเซียราว 2,000 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ด้านนายชัยพฤกษ์ ทองคํา นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการอาจใช้นักท่องเที่ยวไมซ์ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจตามแนวคิด BCG Model โดยการออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากเมืองหลักสู่เมืองรอง เช่น นักท่องเที่ยวไมซ์เดินทางไปประชุมในจังหวัดอุดรธานี และเดินทางไปท่องเที่ยวต่อในจังหวัดหนองคาย เป็นต้น
นายชัยพฤกษ์กล่าวด้วยว่า หลังรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป การท่องเที่ยวไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดียิ่งขึ้น และยังพบว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยมีรายได้จากชาวไทยราว 198,000 ล้านบาท
และพบว่าอัตราการการเข้าพักเฉลี่ยในบางพื้นที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น น่าน เชียงราย พะเยา ในอัตรา 71.37, 71.21 และ 61.74 ตามลำดับ สะท้อนว่านักท่องเที่ยวเริ่มให้ความสนใจท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้น
ขณะที่นางพรศรี โชติวิท ตัวแทนสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (PATA) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง ทำให้มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และประเมินว่าตลาดนักท่องเที่ยวไมซ์เริ่มเติบโตมากขึ้น
โดยพบว่าในส่วนของการบินไทยนั้นสายการบินเริ่มกลับมาให้บริการในหลายเส้นทาง พร้อมทั้งเพิ่มความถี่เที่ยวบินมากขึ้น โดยใช้สายการบินไทยสมายล์ทำการบินเชื่อมโยงในภูมิภาคร่วมกับการบินไทย พร้อมกันนี้ การบินไทยได้เปิดช่องทางการจองบัตรโดยสารสำหรับธุรกิจไมซ์ ผ่าน “MICE Online Booking”
ส่วนการเสวนาในหัวข้อ “มุมมองทิศทางท่องเที่ยวและไมซ์ตลาดมาเลเซียหลังเปิดประเทศ” นายไพรัตน์ ห่านศรีสุข อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมาเลเซียนิยมเดินทางเองเป็นหลัก มีเพียง 35% ที่ยังเดินทางกับบริษัททัวร์
โดยนักเดินทางมาเลเซียจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางบกเป็นหลัก ผ่านด่านชายแดนอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีค่าใช้จ่ายต่อวันเฉลี่ยราว 5,000 บาท ใช้เวลาเดินทาง 4-8 วัน เส้นทางท่องเที่ยวที่โดดเด่น คือ กรุงเทพฯ – พัทยา กรุงเทพฯ – หัวหิน, กรุงเทพฯ – เขาใหญ่
นายไพรัตน์ กล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมักเดินทางเข้ามาในช่วงปิดเทอม คือ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และปลายเดือนพฤศจิกายน รวมถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลตรุษจีน วันฮารีรายอ นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มทัวร์จาริกแสวงบุญ ส่วนใหญ่เดินทางมาจากเมืองปีนัง 1 เดือนหลังเทศกาลตรุษจีน
นางสาวศุภานิช เฑียรสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล ทีเส็บ กล่าวว่า ตลาดอุตสาหกรรมไมซ์ในภูมิภาคอาเซียนมีโอกาสในการเติบโตสูง อีกทั้งมีการคาดการณ์ว่าใน 1-2 ปีนี้ ธุรกิจไมซ์ในไทยจะฟื้นตัวสู่ระดับเดียวกันกับก่อนการระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ทีเส็บประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่งการจัดการประชุม “MICE to Meet You in Thailand Year 2023” ภายใต้คอนเส็ปต์ “THAILAND MICE : Meet the Magic” พร้อมตั้งเป้าหมายกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่ม Meeting และ Incentive ระดับพรีเมี่ยมให้เดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น และปรับใช้แนวคิดความยั่งยืนไปพร้อมกัน