เอสโซ่ดึงสตาร์บัคส์ปักหมุดปี’62 ขยายปั๊มทะลุ630สาขา

แฟ้มภาพ

เอสโซ่ชูกลยุทธ์ 3S ตั้งเป้าเพิ่มปั๊มน้ำมันทะลุ 630 ปั๊ม ในปี’62 ลุยลงทุน flagship หัวเมืองหลักทั่วประเทศ ผนึกพันธมิตรใหม่ “เบทาโกร-Kerry-Tyreshop 51-สตาร์บัคส์” ต่อยอดธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้า งัดโปรโมชั่นคืนกำไรขาประจำ เผยตุนสมาชิกบัตร Esso Smiles 2 ล้านราย

นายมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจตามแผน 3S ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาสถานีบริการ (station) การปรับโฉมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสถานีบริการ (synergy) และการดูแลและเอาใจใส่ลูกค้า (smile) โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะขยายสถานีให้บริการน้ำมันให้ได้ 600 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมีจำนวน 553 สาขา ช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ปีนี้ขยายปั๊มน้ำมันได้แล้ว 595 สาขา และอีก 2-3 ปีมีแผนขยายสาขา30-40 สถานีต่อปี

ลุยขยาย Flagship หัวเมืองหลัก

ประเภทปั๊มน้ำมันที่จะขยายประกอบด้วย ได้แก่ สถานีบริการซึ่งถือเป็นเรือธง (flagship) ของเอสโซ่เป็นสถานีบริการขนาดใหญ่ จะมีการอำนวยความสะดวกครบครัน มีร้านค้าต่าง ๆ จะใช้พื้นที่ประมาณ 5-9 ไร่ งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท มีทั้งดีลเลอร์เป็นผู้ลงทุนและบริษัทลงทุนเอง โดยจะมีทีมพิจารณาแผนการขยายสาขาตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนกัน จะเน้นพื้นที่ชุมชน ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เช่น บางนา รามอินทรารวมทั้งเมืองเศรษฐกิจที่เป็นเกตเวย์ เช่น ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา พัทยา เชียงราย เชียงใหม่ หาดใหญ่ กาญจนบุรี วังน้อย กม. 25 ขณะนี้มี 20 สาขา ถึงปลายปีนี้เพิ่มเป็น 25 สาขา ตั้งเป้าจะขยายปีละ 10 สาขา ซึ่งที่จะเปิดในต้นปีหน้ามีสาขาวังมะนาว บางบัวทอง ส่วนปลายปีนี้เปิดที่กาญจนบุรี เป็นต้น

ดึง “เพียวไทย-เบสท์ เอ็นเนอร์ยี่” 

ที่เหลือจะเป็นปั๊มแบบมาตรฐาน ที่ลงทุน 20-30 ล้านบาทต่อปั๊ม และปั๊มชุมชนซึ่งได้ร่วมกับพันธมิตรคือกลุ่มเพียวไทย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 50 สาขา เป็นการเข้าไปสวมแบรนด์เอสโซ่ในปั๊มตามท้องถิ่นที่มีอยู่แล้ว และบริษัทเบสท์ เอ็นเนอร์ยี่ พลัส เจ้าของสถานีบริการก๊าซ LPG ภายใต้แบรนด์ “Best” เปิดสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 15 สถานี ซึ่งการเข้าร่วมพันธมิตรกับกลุ่มสองบริษัทนี้ได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มเพียวไทยที่แจ้งว่าปริมาณการขายเพิ่มขึ้นถึง 60% หลังจากเข้าร่วมกับเอสโซ่

ชี้การแข่งขันสูง-เตรียมปรับโฉมปั๊มใหม่

พร้อมกันนี้บริษัทยังมีนโยบายที่จะปรับรูปโฉมปั๊มใหม่ ภายใต้กลยุทธ์ synergy โดยโครงสร้างของสถานีบริการรูปสี่เหลี่ยม หลังคาและเสายังเหมือนเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงบริเวณแท่นจ่ายน้ำมันในรูปโฉมใหม่ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้านอกเหนือจากคุณภาพน้ำมัน ขณะเดียวกันก็เพิ่มบริการ โปรโมชั่น รวมทั้งออกแบบเพิ่มไฟ LED ส่องสว่างเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัย โดยรวมมีความทันสมัยมากขึ้น แต่ละสถานีบริการจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านบาทต่อปั๊ม ซึ่งจะทยอยทำให้ครบ 600 ปั๊ม พร้อมทั้งพัฒนายกระดับมาตรฐานการให้บริการห้องน้ำที่มีความสะอาดในทุก ๆ สถานีบริการ

ทั้งนี้ได้วางงบประมาณในการลงทุนทั้งเพื่อพัฒนาขยายปั๊มและยกระดับสถานีบริการไว้ที่เฉลี่ยปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท

“การแข่งขันในส่วนของสถานีบริการยังสูง บางที่จะมีปิดไปเพราะมีการขายที่ดินไปสร้างคอนโดฯซึ่งก็เป็นเรื่องปกติตามวงจรธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ทิศทางธุรกิจนี้ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปั๊มที่ไปร่วมกับพันธมิตรแล้วเปลี่ยนแบรนด์มาเป็นเอสโซ่ดีมาก ต้องมองยาว ๆ เพราะยอดขายต่อปั๊มที่เพิ่มขึ้นยังเป็นเรื่องที่ท้าทาย”

ผนึก 4 พันธมิตรใหม่เพิ่ม

นายมาโนชกล่าวว่า นโยบายของบริษัทยังคงรักษาจุดแข็งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูง และการทำธุรกิจน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ส่วนธุรกิจประเภท non-oil จะมุ่งเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้บริการกับลูกค้า โดยเอสโซ่จะไม่ดำเนินการเอง

ล่าสุดได้จับมือพันธมิตรใหม่ 4 ราย คือเครือเบทาโกร จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือเบทาโกร ซึ่งมีเป้าหมายจะทดลองเปิด 2 สาขา คือแจ้งวัฒนะเปิดให้บริการแล้ว และในทำเลไทรน้อยซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง และได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจขนส่ง Kerry Logistic เพื่อให้บริการขนส่งในปั๊มน้ำมัน ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในธุรกิจออนไลน์ที่กำลังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปลายปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดให้บริการ 10-15 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

ทั้งยังได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจยาง Tyreshop 51 ซึ่งจะให้บริการเปลี่ยนยางโดยตั้งเป้าหมายว่าจะขยายได้ 4-5 สาขา และขยายความร่วมมือกับกลุ่มสตาร์บัคส์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เตรียมจะเปิดบริการ 3 สาขา โดยจะนำร่องเปิดสาขาแรกที่บริเวณศูนย์ราชการ จังหวัดกาญจนบุรี ในเดือนธันวาคมนี้ และต้นปีหน้ามีเปิดที่บางบัวทอง มีเคเอฟซี สตาร์บัคส์ และบีควิก และกำลังจะเปิดที่วังมะนาว จ.เพชรบุรี

เร่งลดต้นทุน “ไทเกอร์มาร์ท”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเอสโซ่ได้มีพันธมิตรประเภทร้านอาหาร (quick serve restourant : QSR) ได้แก่ แมคโดนัลด์ KFC Burger King ประเภทร้านสะดวกซื้อหลัก ได้แก่ เทสโก้ โลตัส มินิบิ๊กซี แฟมิลี่มาร์ท Lawson และ 108 shop ประเภทธุรกิจร้านกาแฟร่วมกับแบรนด์ Rabika Coffee, Caffe D”Oro และ Coffee Boy

ส่วนร้านไทเกอร์มาร์ทซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อเดิมของเอสโซ่ซึ่งมีประมาณ 50 สาขานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาแนวทางในการปรับปรุง เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ low cost operations เพราะต้องยอมรับว่า การทำธุรกิจค้าปลีกไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ประกอบการต้องมีความเชี่ยวชาญและสามารถบริหารจัดการต้นทุนเรื่องโลจิสติกส์ได้อย่างเข้มแข็ง

อัดงบฯโปรโมชั่นครบ 2 ปี

นายมาโนชกล่าวอีกว่า กลยุทธ์ smile ซึ่งจะเป็นการทำการตลาดที่เน้นกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก เช่น การออกบัตรสะสมแต้ม Esso Smiles ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนสมาชิกของบัตร 2 ล้านราย จากในปีที่ผ่านมาเรามีสมาชิกทั้งหมด 1.2 ล้านราย

และในโอกาสที่จะครบ 2 ปีของบัตรสะสมแต้ม Esso Smiles นั้น เอสโซ่เตรียมจัดกิจกรรมโปรโมชั่น “โอ้โห” เพื่อตอบแทนลูกค้า ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 61- 31 ม.ค. 62 ลูกค้าสามารถที่จะสมัครสมาชิกเพื่อใช้สิทธิในการลุ้นรับรางวัลรวมกว่า 2,222 รายการ


ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะขยายการให้บริการบัตรเอสโซ่สมายล์ในลักษณะเวอร์ชวล เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก ไม่จำเป็นต้องพกบัตรก็สามารถที่จะสะสมแต้มได้ นอกจากนี้ยังเปิด Line App Esso และมีฟังก์ชั่นร่วมกับกรุงไทย แอกซ่า ให้บริการเรียกรถช่วยฉุกเฉิน ฟรีหนึ่งครั้งต่อปี