นับถอยหลังเปิดเรียน 1 พ.ย. นักเรียนฉีดวัคซีนแล้ว 1.3 ล้าน จาก 5 ล้านคน

ฉีดวัคซีนเด็กนักเรียน
เครดิตภาพ : กทม.

นับถอยหลังเปิดเรียนเทอม 2 วันที่ 1 พ.ย. นักเรียนฉีดวัคซีนแล้ว 1.3 ล้านคน จากที่แจ้งความประสงค์ 3.8 ล้าน ในจำนวนนักเรียนทั้งหมด 5 ล้านคน กระทรวงศึกษาธิการ ระบุอยู่ในช่วงเร่งทยอยฉีด และพิจารณาข้อสรุปกรอบเปิดเรียน ย้ำเน้นความปลอดภัยอันดับ หนึ่ง-จำนวนการรับวัคซีนครู นักเรียน และการพิจารณาของแต่ละจังหวัด

วันที่ 22 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ในการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นักเรียนอายุระหว่าง 12-18 ปี จะได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีจำนวนนักเรียนทั้งหมด 5 ล้านคน แต่แจ้งความประสงค์ฉีดกว่า 3.8 ล้านคน

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผ่านการแถลงข่าวลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ พัฒนาการศึกษาและพัฒนาสุขภาพผู้เรียนช่วงวัยแบบบูรณาการ สร้างองค์ความรู้ด้านสุขภาพผ่านโครงการ “สบช.สัญจร” ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการว่า

ปัจจุบันมีนักเรียนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 1 ล้านคน หรือประมาณ 1,325,527 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ตุลาคม 2564) และอยู่ระหว่างการทยอยฉีดจำนวนหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้ฉีดเฉพาะนักเรียนในระบบเท่านั้น แต่นักเรียนนอกระบบ หรือเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือก็ต้องได้รับวัคซีนด้วยโดยสามารถรับวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือตามสิทธิโรงพยาบาลของตนเอง ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายและสั่งการไปยังสถานพยาบาลที่เปิดจุดฉีดวัคซีนให้เปิดรับลงทะเบียนหรือวอล์กอิน สำหรับผู้อายุ 12-18 ปี ด้วย

ด้านนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า มีนักเรียนแจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนกว่า 3.8 ล้านคน จากทั้งหมด 5 ล้านคน ซึ่งการเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียน ศธ.มีโรงเรียนกว่า 3 หมื่นแห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยฉีดวัคซีนที่เหลือ รวมทั้งพิจารณาความชัดเจนของข้อสรุปกรอบการเปิดเรียน โดยพิจารณาเรื่องความปลอดภัยอันดับหนึ่ง ตามด้วยดูจำนวนครู-นักเรียน ฉีดวัคซีนของแต่ละพื้นที่ว่าฉีดไปแล้วกี่เปอร์เซ็น โดยโรงเรียนใดเป็นไปตามหลักการที่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันมาก็จะทยอยเปิด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการระดับจังหวัดในการพิจารณาด้วย จึงต้องดูว่าวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ จะเปิดเรียนแบบออนไซต์ได้กี่แห่ง เด็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็สามารถมาเรียนได้ส่วนที่ยังไม่ได้เปิดออนไซต์ก็เปิดเรียนรูปแบบอื่น

ขณะที่นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การพิจารณาเปิดเรียนทุกโรงเรียนต้องประเมินตนเอง โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนของครูและบุคลากร วันนี้ภาพรวมฉีดไปแล้วเกือบ 90% แต่เมื่อดูรายละเอียดเชิงลึกก็พบว่าบางโรงเรียนฉีดยังไม่ถึง 30% แล้วก็การฉีดวัคซีนของนักเรียนที่กำลังเร่งทยอยฉีด ซึ่งตอนแรกมีนักเรียนไม่สมัครใจฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากกว่าล้านคน แต่ในช่วงหลังก็มีการเปิดรับวอล์กอินเข้ามารับในสถานศึกษา ก็พบว่ามีจำนวนกว่าหลายแสนคนแจ้งขอรับเพิ่ม ดังนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของโรงเรียน และเขตพื้นที่การศึกษาแต่ละแห่งจะต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ บริหารจัดการเพื่อจะได้เปิดเรีนนไปตามแผนที่วางไว้

นอกจากนี้ก็พิจารณาเรื่องการระบาดของพื้นที่แบบระดับ ตำบล และอำเภอมาประกอบการพิจารณา พื้นที่ไหนระบาดน้อยก็เปิดก่อน ส่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่มีการระบาดของโควิดอย่างหนัก ก็อาจมีการกลับไปใช้แนวทางเดิมที่เคยปฏิบัติมา เช่น การเรียนแบบออนไลน์แทน