“มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์” เป็นนางสาวไทยคนที่ 53 ยุค TPN Global

“มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์” สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เป็นผู้คว้าตำแหน่งนางสาวไทย ประจำปี 2565 คนที่ 53 ในยุค TPN Global

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ centralwOrld LIVE กองประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2565 ภายใต้การบริหารงานของ TPN Global และสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดประกวดรอบตัดสิน (Final Competition) ในธีมงานว่า “Revival of the Original” กำเนิดใหม่ไปด้วยกัน ผู้ชนะ คือ “มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์” ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน มงกุฎประจำตำแหน่ง “อิสตรีวิจิตรา” (The Adamas) เป็นนางสาวไทยคนที่ 53 เป็นทูตท่องเที่ยวและวัฒนธรรม

การประกวดรอบตัดสินเริ่มต้นขึ้นด้วยการโอเพนนิ่งโชว์ จากนั้นแนะนำกรรมการตัดสิน พร้อมประกาศผู้เข้ารอบ 12 คนสุดท้าย ต่อด้วยการประกวดรอบชุดว่ายน้ำสีชมพูและชุดราตรี พร้อมประกาศผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย เพื่อตอบคำถามแสดงไหวพริบปฏิภาณในการตอบคำถามต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชม

ต่อด้วยการประกาศตำแหน่งรองอันดับ 3 คือ MT 17  นิกกี้ – อธิชา เรนนี่ รับสายสะพาย เงินสด 100,000 บาท พร้อมแพ็กเกจทรู 46,900 บาท KUB COIN 20,000 บาท  และรองอันดับ 4 MT 01 : ไข่มุก – ศรณ์ศรฏฐ์ วิทยาเรืองสุข รับสายสะพาย เงินสด 100,000 บาท พร้อมแพ็กเกจทรู 46,900 บาท KUB COIN 20,000 บาท

จากนั้นเข้าสู่การตอบคำถามในรอบ 3 คนสุดท้าย ซึ่งคำถามเป็นคำถามเดียวว่า ประเทศไทยถือประเทศหนึ่งในประเทศที่มีการใช้สื่อโซเชียลมากที่สุดในโลก ถ้าคุณได้เป็นนางสาวไทย คุณจะใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอคอนเทนต์อะไรให้โลกรับรู้ จงแสดงวิสัยทัศน์

“มานิตา” ตอบว่า สำหรับเธอจะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านในชุมชนไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงทำการโพสต์แชร์ ทำทุกอย่าง เมื่อครั้งที่เธอเดินทางไปเก็บตัวที่จังหวัดอำนาจเจริญ ไลฟ์ขายของให้ชาวบ้าน ได้เงินเกือบ 2 หมื่นบาท ดังนั้น 1 ปีในตำแหน่งนาวสาวไทย เธอจะพัฒนาเศรษฐกิจไทยและทูตวัฒนธรรมอย่างแน่นอน

คำตอบของมานิตาสามารถชนะใจกรรมการได้ ทำให้เธอได้รับตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 53 ได้สำเร็จ รับสายสะพายเกียรติยศ พร้อมคฑาวชิราวุธ รางวัลเงินสด 800,000 บาท KUB COIN 100,000 บาท Gift voucher จาก Wave Clinic 1,00,000 บาท รถประจำตำแหน่ง 1 ปี ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนลินคอน  300,000 บาท พร้อมแพ็กเกจทรู 201,688 บาท

ขณะที่ รองอันดับ 1 คือ มุก – อัญพัชร์ ปิติประจักษ์วัชร รับสายสะพาย เงินสด 400,000 บาท พร้อมแพ็กเกจทรู 108,900 บาท KUB COIN 50,000 บาท  ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนลินคอน 130,000 บาท และรองอันดับ 2 คือ นิดา – วนิดา ดอกกุหลาบ รับสายสะพาย เงินสด 200,000 บาท พร้อมแพ็กเกจทรู 108,900 บาท KUB COIN 30,000 บาท

12 คนสุดท้าย

  • MT 06 : มุก – อัญพัชร์ ปิติประจักษ์วัชร
  • MT 08 : ดาด้า – กีรดา อัครปรีดี
  • MT 18 : นิดา – วนิดา ดอกกุหลาบ
  • MT 17 : นิกกี้ – อธิชา เรนนี่
  • MT 11 : เกรพส์ – จันทรรัสม์ เอี่ยมเล็ก
  • MT 15 : โบนัส – ฑิฆัมพร ทุ่งทะเล
  • MT 10 : พลอย – วรัมพร ปั้นอินทร์
  • MT 16 : นิต้า – มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์
  • MT 19 : ไข่มุก – วาริศา ศรีนุกูล
  • MT 23 : ฮันนี่ – ภรณ์นภัส ปุณณสิริวัฒน์
  • MT 01 : ไข่มุก – ศรณ์ศรฏฐ์ วิทยาเรืองสุข
  • MT 12 : อร – อรณพรรณ ณ เชียงใหม่

5 คนสุดท้าย

  • MT 18 : นิดา – วนิดา ดอกกุหลาบ
  • MT 16 : นิต้า – มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์
  • MT 06 : มุก – อัญพัชร์ ปิติประจักษ์วัชร
  • MT 17 : นิกกี้ – อธิชา เรนนี่
  • MT 01 : ไข่มุก – ศรณ์ศรฏฐ์ วิทยาเรืองสุข

3 คนสุดท้าย

  • MT 18 : นิดา – วนิดา ดอกกุหลาบ
  • MT 16 : นิต้า – มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์
  • MT 06 : มุก – อัญพัชร์ ปิติประจักษ์วัชร

รู้จัก “นิต้า มานิตา” นางสาวไทยคนที่ 53

“นิต้า” มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ ตัวแทนจากทีมภูเก็ต สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน คุณแม่เป็นคนเชียงราย แต่เกิดและโตที่จังหวัดภูเก็ต อายุ 25 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะคอมมูนิเคชั่น อาร์ต เกียรนิยมอันดับ 1 ปัจจุบันเป็นเซลส์แมเนเจอร์ และเป็นครูอาสา ในตำแหน่งวิทยากรพิเศษส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ณ โรงเรียนวัดบางไผ่นารถ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ขาดแคลน

มานิตา นับว่าเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์ ที่มีสตอรี่น่าสนใจ ย้อนกลับไปในปี 2018 เธอเข้าร่วมการประกวดมิสเวิลด์ไทยแลนด์ นิต้าฟิตหุ่นลดน้ำหนักไปถึง 40 กิโลกรัมเพื่อเข้าร่วมการประกวด และแม้ว่าเธอจะไม่ได้มงกุฎมาครอง แต่เธอก็ยังมุ่งมั่นออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนเรียกได้ว่านับวันก็ยิ่งสวยขึ้น
กระทั่งกลับมาประกวดนางสาวไทยปีนี้ เธอมีทีมพี่เลี้ยงที่แข็งแกร่งอย่างทีมภูเก็ตคอยซัพพอร์ต ประกอบกับมีประสบการณ์เป็นครูอาสาทำให้เธอมีแพสชั่นตรงกับบริบทของเวที

มานิตาถือว่าเป็นอีกนางงามเดินสายอีก 1 คน เธอเคยประกวดมิสแกรนด์ภูเก็ต 2017 ได้ตำแหน่งถึงรองอันดับ 1 อีกทั้งยังเคยประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 เข้ารอบ 12 คนสุดท้าย

View this post on Instagram

 

A post shared by Manita Farmer (@manita.farmer)

มานิตา เผยในรายงานของมติชนว่า แม้เธอจะเติบโตที่ภูเก็ต แต่ด้วยแม่เป็นคนเชียงราย เธอจึงได้เรียนรู้ทั้ง 2 วัฒนธรรมและชอบเรื่องการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ในด้านการศึกษาจากการที่เป็นครูอาสาทำให้เธอยอมรับนับถือบุคลากรครูตัวจริงมากๆ เพราะต้องเตรียมเอกสารเยอะแยะมากมายโดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

หากการศึกษาสามารถเข้าถึงทุกที่ในประเทศไทยรวมไปถึงพื้นที่ขาดแคลน มานิตากล่าวว่า เธอจะต้องดีใจกับเด็ก ๆ มาก ๆ แน่ แต่ไม่ใช่เพราะสงสาร ด้วยเด็ก ๆ เองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองน่าสงสาร แต่เป็นการที่มองว่าถ้าเด็กได้สื่อการเรียนการสอนที่ดี เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตได้ พวกเขาจะมีโอกาสพัฒนาตัวเองไปไกลมากกว่า ไม่ใช่อยู่เพียงแค่ในบริเวณโรงเรียนตรงนั้น และมีความคิดก้าวไกลมากขึ้นในการนำกลับมาพัฒนาบ้านเกิด

ขณะที่เธอมีรูปร่างหน้าตาเป็นลูกครึ่ง เธอบอกว่า “ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศไหน ๆ ก็ตาม นิต้าว่าเรานับจากการที่เราถูกหล่อหลอมจากวัฒนธรรมแบบไหนมากกว่าเชื้อชาติ อย่างใบหน้านิต้า นิต้าไม่มีสิทธิเลือก ฉะนั้นเวลาที่คนเห็นหน้าตานิต้า ก็จะไม่พูดไทยด้วย นิต้าก็จะบอกกับเขาว่า คนไทยนะคะ พูดไทยได้นะคะ จะบอกทันทีเลยว่าเป็นคนไทย” มานิต้าตอบด้วยความมั่นใจ เรียกทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังขึ้น

View this post on Instagram

 

A post shared by Manita Farmer (@manita.farmer)