เอพีรายงานเชิงสืบสวนสอบสวนถึงความลับดำมืดของอุตสาหกรรม เหมืองแร่หายาก ของเมียนมา
วันที่ 13 สิงหาคม 2565 สำนักข่าว เอพี สหรัฐ เผยแพร่รายงานเจาะลึกของ เดก คัง, วิกตอเรีย มิลโก และ ลอรี ฮิลแนนต์ ถึงความลับดำมืดของอุตสาหกรรม “แร่หากยาก” ในเมียนมา ที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ยอมทำลายตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีของโลก
- ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นราธร-อุรัชนา ศรีชาพันธุ์ ถูกฟ้องล้มละลาย
- เปิดเกณฑ์แจกเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท เช็กขั้นตอนรับเงิน
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุรับ 900 บาท เริ่มโอนแล้ว เช็กรายละเอียด
การตรวจสอบครั้งนี้ ใช้การสัมภาษณ์ การรวบรวมข้อมูลและสถิติของบริษัทต่างๆ รวมทั้งเอกสารวิชาการของจีน ภาพถ่ายดาวเทียมและการวิเคราะห์ภูมิศาสตร์จากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Global Witness
พบความเชื่อมโยงกับบริษัทซัพพลายเชน 78 แห่ง
แร่หายากเป็นส่วนประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ฮาร์ดไดรฟ์โทรศัพท์มือถือ ลิฟต์รถไฟ รวมไปถึงพลังงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น กังหันลม และรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี
ที่ป่าทางตอนเหนือของเมียนมาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุหายากหลายชนิดเหมือนเป็นวิตามินของโลกสมัยใหม่ แต่ในพื้นที่ตอนนี้ นกไม่ร้อง พืชสมุนไพรไม่เติบโต ปลาไม่ว่ายน้ำเพราะน้ำแปรเป็นโคลนเหนียว สัตว์ต่าง ๆ ไม่ออกเดินเตร็ดเตร่ และบางครั้งก็พบวัวล้มตาย
ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ป่าสูญเสียวิถีชีวิตที่ย้อนกลับไปหลายชั่วคน หากใครออกมาเรียกร้องประท้วงอะไร ก็จะเผชิญกับคำขู่คุกคามเอาชีวิต
จูลี มิเชลล์ คลิงเจอร์ ผู้แต่งหนังสือ “Rare Earths Frontiers” (ด่านหน้าแร่หายาก) กล่าวว่าการทำเหมืองแร่หายากส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บริษัท 1 ใน 3 ตอบคำถามสัมภาษณ์ แต่ 2 ใน 3 ไม่ขอออกความเห็นและเกือบทั้งหมดกล่าวว่าใส่ใจความคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มที่
กฎหมายไม่ครอบคลุมแร่หายาก
ปี 2010 สภาคองเกรสของสหรัฐ กำหนดให้บริษัทต่าง ๆ เปิดเผยที่มาของ “แร่ธาตุที่มีความขัดแย้ง“ เช่น แทนทาลัม ดีบุก ทองคำ และทังสเตน ซึ่งมีที่มาจากความขัดแย้งในคองโก รวมทั้งให้สัญญาว่าจะไม่ได้มีผลประโยชน์ต่อกลุ่มติดอาวุธ
แต่กฎหมายดังกล่าวไม่ได้รวมถึงแร่หายาก ดังนั้น การตรวจสอบที่มาของแร่หายากจึงขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทและไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบ
ส่วนสหภาพยุโรปก็ไม่ได้กำหนดให้แร่หายากรวมอยู่ในข้อกำหนดแร่ที่มีความขัดแย้ง จึงมีช่องว่างในการกำกับดูแลห่วงโซ่อุปทานที่ขยายไปถึงยุโรป
เมื่อไม่มีข้อกำหนดหรือทางเลือก บริษัทต่าง ๆ จึงจัดส่งแร่หายากโดยไม่มีการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือที่เรียกว่า ESG
หากต้องการตรวจสอบ ESG การผลิตแร่หายากทั้งหมด จะเป็นอย่างไร
โธมัส คูมาร์ ผู้อำนวยการ Ginger International Trade & Investment ซึ่งดูแลด้านการจัดการซัพพลายเชนแร่และโลหะตอบได้เลยว่า การผลิตร้อยละ 70 จะต้องปิดตัวลง
แร่หายากล้ำค่าเหมือนน้ำมัน
สหรัฐอเมริกาลงทุนเหมืองแร่หายากในจีนช่วงทศวรรษที่ 1980 เพราะเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุน
ส่วนเติ้ง เสี่ยวผิง ประธานาธิบดีจีนในขณะนั้น ประกาศว่าแร่หายากเป็นคำตอบของจีนเหมือนกับตะวันออกกลางมีน้ำมันชาวจีนในชนบทหลายหมื่นคนจะหารายได้จากการทำเหมืองมากกว่าทำการเกษตรทั้งปี
อุตสาหกรรมเหมืองแร่หายากในจีนรุ่งเรืองหลายทศวรรษและกลายเป็นนักขุดแร่หายากแนวหน้าของโลก แต่เมื่อจีนถูกวิจารณ์หนัก เจ้าหน้าที่จีนจึงประกาศสงครามกับอุตสาหกรรมสกปรกของประเทศ รวมถึงการขุดแร่หายาก
ขณะที่ทั่วโลกมีความต้องการแร่หายากมากขึ้น คาดว่าความต้องการจะเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 300 เป็น 700 ภายในปี 2040 ซึ่งสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศระบุว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
แคลร์ แฮมมอนด์ นักวิจัยอาวุโสของ Global Witness ซึ่งทำงานที่เมียนมากล่าวว่า ความต้องการแร่ธาตุเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก เพราะเทคโนโลยีพลังงานสีเขียวที่เพิ่มขึ้นต้องการแร่หายากเป็นส่วนประกอบ
ความต้องการแร่หายาก สวนทางกับการปิดเหมืองแร่ในจีน หลังจากรัฐบาลจีนเริ่มบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดที่สุดในโลกและสั่งปิดเหมืองบางแห่ง
แต่จีนมองหาแหล่งทรัพยากรที่ใหม่ในเมียนมา ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่หายากบางชนิดที่มีค่าที่สุดในโลกทำให้คนงานเหมืองหลายพันคนในมณฑลเจียงซีของจีนข้ามพรมแดนไปทำมาหากิน
รวมทั้ง “กัว” ซึ่งได้รับโทรศัพท์ติดต่อให้ไปทำงานเหมืองในเมียนมาในปี 2019 (พ.ศ. 2562) แม้ว่าต้องกินอยู่อย่างลำบากในป่าและทำงานหนักในเหมืองเอกชนขนาดเล็กที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งขายแร่ให้กับเหมืองยักษ์ใหญ่ในจีนโดยตรง
จีนนำเข้าจากเมียนมาพุ่ง 100 เท่า
ข้อมูลการค้าของสหประชาชาติระบุว่า ตั้งแต่ปี 2015 จีนนำเข้าจากเมียนมาสูงขึ้นเกือบ 100 เท่า และศุลกากรของจีนเปิดเผยว่า เมียนมาเป็นแหล่งผลิตแร่หายากแหล่งใหญ่ที่สุดเพียงแห่งเดียวของจีนซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของอุปทานทั้งหมด
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหมืองในเมียนมามีเพียง 2-3 แห่งเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีหลายร้อยแห่ง กัวคาดว่าจะขยายเป็นหลายพันแห่งในเวลาไม่ช้า และอีกไม่นานแร่หายากในเมียนมาจะหมดไป แต่กัวไม่สนใจเรื่องการอนุรักษ์หรือการเมืองอยู่แล้ว สิ่งที่เขาสนใจอย่างเดียวคือเงิน
แหล่งน้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แต่เป็นพิษ ล้อมรอบด้วยป่าในเวลาเพียงไม่กี่ปี เพราะแร่หายากซ่อนตัวในดินเหนียวอ่อนนุ่มและอยู่ใกล้ผิวดินทำให้ขุดหาได้ง่าย
ภาพดาวเทียมที่ได้จาก Global Witness แสดงให้เห็นแหล่งขุดหาแร่กว่า 2,700 แห่ง ในสถานที่ต่าง ๆ เกือบ 300 แห่ง
สารพิษปนเปื้อนทั้งน้ำและดิน
สารชะล้างทำให้แม่น้ำสายหลักของเมียนมาปนเปื้อนพิษเป็นเหตุให้เกิดดินถล่ม และทำให้ดินเป็นพิษน้ำใช้กินไม่ได้และสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น เสือตัวนิ่มและแพนด้าแดงหนีออกจากป่าไปแล้ว
ชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับแม่น้ำที่อยู่ห่างจากแหล่งเหมืองขุดหาแร่หายากเพียง 24 กิโลเมตร ภรรยาของเขาเคยจับปลาไปขาย แต่ตอนนี้กินปลาไม่ได้ เพราะปนเปื้อนสารพิษจึงต้องซื้อปลาจากที่อื่น ซึ่งราคาแพงกว่ามากินและทุกครั้งที่ลุยน้ำเท้าจะรู้สึกคัน
พื้นที่ทำเหมืองอยู่ในเขตของกองกำลังติดอาวุธซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกองกำลังรักษาชายแดนที่มีกองทัพเมียนมาสนับสนุน เงินที่ได้จากแร่หายากจึงอาจส่งไปเป็นกองทุนให้กับกองทัพเมียนมาปราบปรามพลเรือน
เมื่อผู้นำหมู่บ้านร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบของการขุดแร่หายากและการทดสอบดินเพาะปลูกชะโก วอลนัทและเลี้ยงปศุสัตว์ ก็ถูกผู้นำกองกำลังติดอาวุธระดับสูงตอบกลับมาด้วยความโกรธเกรี้ยวว่าจะเดินหน้าทำเหมืองต่อไป ไม่ว่าจะมีข้อตกลงหรือไม่ก็ตาม ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าบ่นอีกเลย เพราะเกรงว่าหากพูดอะไรไป อาจจะถูกเฆี่ยนตีหรือถูกจับเข้าคุก
แร่เถื่อนขายให้จีนเท่านั้น
แร่หายากที่ขุดอย่างผิดกฎหมายในเมียนมาจะขายให้จีนเท่านั้น เพราะเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ของจีนและส่งไปขายทั่วโลก
บริษัท China Southern Rare Earth หนึ่งในผู้ผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แร่หายากจากเมียนมาร้อยละ 70 ส่วนที่เหลือมาจากการรีไซเคิลโดยไม่มีการขุดแร่หายากในจีน
ส่วนบริษัท Minmetals ผู้ผลิตรายใหญ่อีกรายแจ้งกับผู้ถือหุ้นในรายงานประจำปีว่า บริษัทต้องนำเข้าแร่หายากอีกมาก เพราะเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอ และบริษัท Rising Nonferrous ซึ่งเป็นบริษัทที่ 3 ระบุว่า ได้รับการอนุมัติจากศุลกากรจีนให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมา
เมื่อแร่แปรสภาพเป็นแม่เหล็กแร่จะถูกแยกออกกลั่นและหลอมละลายวัสดุจากแหล่งต่าง ๆ จะนำมาผสมรวมกัน ทำให้การระบุว่า แร่หายากชนิดใดมาจากเมียนมาและผู้ผลิตแม่เหล็กของจีนไม่ทราบว่าแร่หายากมาจากไหน เพราะบริษัทต่าง ๆ ก็ไม่ได้ถามที่มา
หลังจากแร่หายากส่งไปบริษัทแม่เหล็กแล้วก็จะผ่านอีกหลายขั้นตอนกว่าจะถึงมือผู้บริโภครวมทั้งบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายจึงแทบจะไม่มีความโปร่งใส เพราะบริษัทเหล่านี้ไม่ทราบที่มาของแร่หายาก
หวังซัพพลายเออร์ระบุที่มา
นาบีล แมนเชรี เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมแร่หายาก กล่าวว่า มีเพียงรัฐบาลจีนเท่านั้นที่บังคับให้บริษัทต่าง ๆ แยกแยะแร่หายากที่มาจากจีนและเมียนมาได้
ค่ายผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง จีเอ็ม โฟล์กสวาเกน และเมอร์ซิเดส เบนซ์ ได้แต่หวังว่าซัพพลายเออร์จะปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ ส่วนค่ายฟอร์ด มีการตรวจสอบและขอให้ซัพพลายเออร์ระบุแหล่งที่มา ขณะที่ ฮุนได ไม่ใช้แร่หายากจากเมียนมา
ด้านบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ รวมทั้ง บอช บรอส และนิเด็ค กล่าวว่า บริษัทผลิตแม่เหล็กยืนยันว่าไม่ได้ใช้แร่หายากจากเมียนมา ส่วนบริษัทอื่น ๆ เช่น คอนติเนนทัล เอจี และบอร์กวอร์เนอร์ หวังว่าซัพพลายเออร์จะปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ
ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซัมซุง กล่าวว่า จะยอมไม่ให้มีการละเมิดสิทธิหรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนโตชิบา พานาโซนิค และฮิตาชิ ไม่ขอออกความเห็น แต่กล่าวว่าจะระงับการทำงานร่วมกับธุรกิจที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนธิสเซ่นครุปป์ กล่าวว่มีมาตรการริเริ่มเพื่อหาแหล่งที่มาของแร่ธาตุที่ส่งให้กับซัพพลายเออร์แม่เหล็ก
ซีเมนส์ กาเมซา ผู้ผลิตกังหันลมในสหรัฐอเมริกาและยุโรป กล่าวว่า จะตรวจสอบซัพพลายเออร์ทันทีและกำลังเตรียมที่จะติดตามสิ่งเหล่านั้นต้นน้ำต่อไป ซึ่งข้อมูลของซัพพลายเออร์แสดงว่าแร่หากมาจากจีนเท่านั้น
คลิงเจอร์ กล่าวว่า วิธีเดียวที่บริษัทจะเลี่ยงไม่ใช้แร่หายากจากเมียนมาคือการมีห่วงโซ่อุปทานของตัวเองนอกเมียนมา จีน และอาจอยู่นอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง
…..