คนจนก็จนต่อไป! “อ็อกแฟม” เผยเศรษฐีโลก 1% กวาดความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นในปี 2017 ไป 82%

สื่อต่างประเทศรายงานว่า องค์กรอ็อกแฟม เปิดเผยรายงานก่อนการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่เมืองเดวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค.นี้ ว่า คนที่รวยที่สุดของโลก 1% กวาดความมั่งคั่งของโลกที่เกิดขึ้นในปี 2017 ไปถึง 82% ขณะที่ครึ่งหนึ่งของประชากรที่ยากจนที่สุด ไม่ได้รับอะไรเลย

โดยรายงานชิ้นใหม่นี้มาจากองค์กรการกุศลที่พบว่าความมั่งคั่งของเศรษฐีเติบโตเร็วกว่าคนทำงานทั่วไปถึง 6 เท่า ตั้งแต่ปี 2010

ทั้งนี้ อ็อกแฟมใช้ผลการวิจัยขององค์กรเพื่อวาดภาพเศรษฐกิจโลก ที่พบว่าความร่ำรวยนั้นกระจุกอยู่กับแค่คนไม่กี่คน ขณะที่คนอีกหลายร้อยล้านคนยังต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดและต่อสู้กับความยากคน

“การบูมขึ้นของมหาเศรษฐีไม่ได้เป็นสัญญาณของเศรษฐกิจเฟื่องฟู แต่เป็นอาการของระบบเศรษฐกิจที่ล้มเหลว” วินนี ไบอันยีมา กรรมการบริหารอ็อกแฟม กล่าวในแถลงการณ์

นอกจากนี้ อ็อกแฟมยังเน้นให้เห็นถึงสภาพแรงงานหญิงที่ “มีรายได้น้อยกว่าผู้ชาย” และมักจะได้รับเงินต่ำสุด, ทำงานที่ปลอดภัยน้อยที่สุด โดย 9 ใน 10 ของคนที่เป็นมหาเศรษฐีนั้นเป็นผู้ชาย

สำหรับรายงานดังกล่าวใช้ข้อมูลจาก Credit Suisse เพื่อเปรียบเทียบรายได้ของผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้น กับคนทำงานทั่วไป โดยพบว่าผู้บริหารระดับสูงของท็อปไฟว์แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ใช้เวลาเพียงแค่ 4 วันในการทำรายได้เท่ากับรายได้ตลอดชีวิตของแรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในบังคลาเทศ

“แรงงานที่ตัดเย็บเสื้อผ้าที่เราใส่, ประกอบโทรศัพท์ที่เราใช้, ปลูกพืชผักอาหาร กำลังถูกเอาเปรียบเพื่อให้แน่ใจว่าราคาสินค้าจะถูกแบบคงที่ และกำไรก็ไปเบ่งบานอยู่กับบริษัทและนักลงทุน” ไบอันยีมากล่าว

เพื่อต่อสู้กับความไม่เสมอภาคที่เพิ่มขึ้น อ็อกแฟมได้เรียกร้องให้รัฐบาลของนานาประเทศจำกัดผลตอบแทนของผู้ถือหถ้นและผู้บริหารระดับสูง, ผิดช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศ, ปราบปรามการหลีกเลี่ยงภาษี และเพิ่มงบประมาณให้กับการสาธารณสุขและการศึกษา

โดยงานวิจัยดังกล่าวได้เผยแพร่ออกมาในการประชุมสุดยอดผู้นำทางการเมืองและและเศรษฐกิจที่สกีรีสอร์ตหรูในสวิสที่จะจัดการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก ซึ่งในปีนี้การประชุมจะโฟกัสไปที่วิธีการสร้าง “อนาคตร่วมกันในโลกที่แตกหัก”


“เป็นการยากที่จะหาผู้นำทางการเมืองหรือผู้นำทางธุรกิจที่จะไม่พูดว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับความไม่เสมอภาค” ไบอันยีมากล่าว และว่า และก็เป็นยากการเช่นกันที่จะหาคนที่กำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อเรื่องนี้ เพราะหลายคนกระตือรือร้นที่จะทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลงโดยการลดภาษีและการขจัดสิทธิแรงงาน