วุฒิฯสหรัฐเร่งเจรจาหาทางจบปัญหาชัตดาวน์-พาณิชย์ไทยมองกระทบระยะสั้นหน่วยงานศุลกากร-ตม.สหรัฐ- งานบริการด้านกงสุลยังทำงานปกติ
หลังจากเกิดกรณีภาวะชัตดาวน์จากการที่สมาชิกจากพรรคเดโมแครต และรีพลับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องกฎหมายบประมาณสหรัฐปี 2561 และกฎหมายเกี่ยวกับประเด็นนโยบายคนเข้าเมือง ส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ บางส่วน ต้องปิดทำการ หรือ Government Shutdown ต่อเนื่องจนถึงขณะนี้
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
มีรายงานล่าสุดว่า วุฒิสมาชิกสายกลางจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน พยายามหาทางออกเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ ก่อนที่รัฐสภาสหรัฐจะโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวอีกครั้งในเที่ยงวันจันทร์ของสหรัฐ หรือเวลา 24.00 น.ตามเวลาไทยในวันอังคาร โดยวุฒิสมาชิกสายกลางจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน อยู่ระหว่างเดินหน้าหาทางออกเพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศต่อไปจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์
ทั้งนี้ มีข้อเสนอ ให้แยกลงมติโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มในปี 2555 แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศยกเลิกโครงการดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว พร้อมเสนอให้นำโครงการอื่นมาใช้แทน
ขณะที่การชัตดาวน์ของสหรัฐนั้น จะกระทบกับประเทศไทยแค่ไหนนั้น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กล่าวว่า อยู่ระหว่างติดตามอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้นประเมินว่าการชัตดาวน์ได้เริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 20 มกราคม 2561 ตามเวลาสหรัฐฯน จะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ยังคงทำงานต่อเนื่อง เพราะถือเป็นตำแหน่งจำเป็นที่หากหยุดดำเนินการแล้วจะส่งผลต่อความปลอดภัยต่อชีวิตทรัพย์สินของประชาชนสหรัฐฯ โดยหน่วยงานจำเป็น เช่น หน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง งานบริการด้านกงสุลและสถานทูตสหรัฐฯ ในต่างประเทศ ควบคุมการบิน ไปรษณีย์ กลาโหมและการรักษาความปลอดภัย รัฐสภา และศาล เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามการวิเคราะห์ผลกระทบของการชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ที่ประเมินโดยสถาบันวิจัยต่างๆ ของสหรัฐฯ พบว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของไตรมาสที่ 1 อาจลดลง 0.2% รวมทั้งส่งผลต่อค่าเงินสหรัฐฯ อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน และอัตราเงินเฟ้ออาจขยายตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ มีการประมาณการว่าจะมีพนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบประมาณ 1 ล้านคน และอาจกระทบต่อการจ้างงานของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของภาครัฐ อย่างไรก็ดี หากชัตดาวน์มีระยะเวลายาวนานเป็นหลายสัปดาห์อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ เนื่องจากอุทยานแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศจะปิดทำการ
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเบื้องต้น จะไม่กระทบการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ รวมทั้งการเดินทางเข้า-ออก สหรัฐฯ ของนักธุรกิจไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยังคงทำงานต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี อาจมีความล่าช้าในการประสานงานกับหน่วยงานสหรัฐฯ บางแห่งบ้าง
สำหรับกรณีการชัตดาวน์เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดการชะลอการนำเข้าสินค้าจากไทย เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการดำเนินกิจกรรมทางการค้าของผู้นำเข้าสหรัฐฯ รวมทั้งนักธุรกิจและผู้บริโภคสหรัฐฯ จะลดปริมาณการใช้จ่ายลงได้
“สถานการณ์ดังกล่าว ไม่น่าจะยืดเยื้อหลายสัปดาห์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการวางแผนล่วงหน้าสำหรับทำการค้ากับสหรัฐฯ ในสถานการณ์เช่นนี้ต่อไป” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ การผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561 ของสหรัฐฯ ต้องได้มติสนับสนุน 60 เสียงจาก 100 เสียงของ ส.ว. แต่พรรครีพับบลิกันมีที่นั่งในสภา 52 เสียง จึงทำให้การลงมติผ่านร่างกฎหมายไม่ถึง 60 เสียง โดยประเด็นที่พรรคเดโมแครตนำมาต่อรอง คือ ต้องการให้ร่างกฎหมายงบประมาณผนวกรวมเรื่องการต่ออายุโครงการ Deferred Action for Childhood Arrivals (DACA) ซึ่งเป็นโครงการภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามาออกไป เนื่องจากเมื่อปี 2560 รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกการคุ้มครองเยาวชนจากครอบครัวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเคยช่วยให้คนเหล่านี้เกือบ 8 แสนคนสามารถเรียนและทำงานได้ในสหรัฐฯ
สำหรับการชัตดาวน์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างไรก็ตามได้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 18 ครั้ง ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1-17 ตุลาคม 2556 ในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา