ผลสำรวจเผย! ชาวมะกันไว้ใจ 4 สถาบันหลักลดฮวบรอบ 1 ปี “ทรัมป์” มากสุดใน 28 ปท.

Drew Angerer/AFP

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความไว้วางใจในสถาบันต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาล ลดลงในช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งปีแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างอิงจากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มกราคม

เอเดลแมน ทรัสต์ บารอมิเตอร์ หรือผลสำรวจความเชื่อมั่นเอเดลแมนที่จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี แสดงให้เห็นความไว้วางใจต่อ 4 สถาบันหลักอันประกอบไปด้วยรัฐบาล สื่อ ภาคธุรกิจและองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบในสหรัฐอเมริกา มากที่สุดใน 28 ประเทศที่ถูกสำรวจ

นายทรัมป์ได้ทำลายขนบประเพณีของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยการโจมตีสื่อและฝ่ายตุลาการซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์นายทรัมป์ระบุว่าการทำเช่นนี้เสี่ยงที่จะบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณะต่อสถาบันเหล่านี้

ขณะเดียวกัน ประเทศที่ความไว้วางใจจากพลเมืองของตนเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือจีน หลังจากช่วงเวลา 1 ปีที่ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ยึดกุมอำนาจอย่างแน่นหนามากยิ้งขึ้นในการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยความเชื่อถือที่มีต่อรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้น 8 จุด มาอยู่ที่ 84 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ของสหรัฐลดลง 14 จุดมาอยู่ที่ 33 เปอร์เซ็นต์

“สหรัฐต้องเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นที่ยาวนานอย่างไม่เคยมีมาก่อน” ริชาร์ด เอเดลแมน ประธานบริษัทสื่อสารด้านการตลาดเอเดลแมนที่จัดทำการสำรวจนี้ระบุ และชี้ว่าสาเหตุมาจากการทำให้วาทกรรมสาธารณะเป็นประเด็นการเมืองทั้งในสหรัฐและในต่างประเทศซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากสับสนว่าสิ่งไหนเป็นเรื่องจริง และสิ่งไหนเป็นเรื่องแต่ง

ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ผู้คนเกือบ 2 ใน 3 ไม่สามารถแยกแยะระหว่างข่าวที่น่าเชื่อถือกับข่าวลือและเรื่องหลอกลวงได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นในสื่อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบหลายปี ความเชื่อถือที่มีต่อเครื่องมือสืบค้น หรือเสิร์ชเอ็นจิ้นและสื่อเครือข่ายสังคมหรือโซเชียลมีเดียอย่างกูเกิล เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ลดลงใน 21 จาก 28 ประเทศ

ทั้งนี้ ผลสำรวจเอเดลแมนที่สำรวจความคิดเห็นผู้คน 33,000 คนชิ้นนี้ ที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 28 ตุลาคมถึง 20 พฤศจิกายน ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในบริษัทของตนที่ร่วงลงอย่างรุนแรงที่สุดมากกว่าในประเทศอื่นๆ ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์และแคนาดามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของประเทศตนเองสูงสุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นใน “ผู้เชี่ยวชาญ” ซึ่งรวมถึงนักวิชาการและนักธุรกิจด้วย

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์