ตระกูลนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ของอินเดีย อัมบานี วางตัวทายาทธุรกิจอย่างชัดเจน และลูกสาวมีบทบาทอย่างยิ่ง
วันที่ 21 กันยายน 2565 บีบีซี รายงานว่า มูเกช อัมบานี (มุเกศ อัมพานี) มหาเศรษฐีชาวอินเดีย วางแนวทางบทบาททางธุรกิจให้กับลูก ๆ ทั้ง 3 คนอย่างชัดเจน ให้รับผิดชอบอาณาจักรมูลค่า 220,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 8 ล้านล้านบาทในการประชุมสามัญประจำปีของกลุ่มบริษัทค้าปลีกเมื่อเดือน ส.ค.
- ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นราธร-อุรัชนา ศรีชาพันธุ์ ถูกฟ้องล้มละลาย
- เปิดเกณฑ์แจกเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท เช็กขั้นตอนรับเงิน
- ราชกิจจาฯประกาศ มาตรฐานคุณวุฒิสาขาแพทยศาสตร์ฉบับใหม่ บังคับใช้แล้ว
อากาศ และ อิชา (อิศา) ลูกสาวฝาแฝดจะบริหารธุรกิจโทรคมนาคมและการค้าปลีกของ Reliance Industries Ltd ตามลำดับ ส่วน อนันต์ ลูกชายคนสุดท้องของตระกูลกำลังดูแลธุรกิจพลังงานใหม่
การถ่ายโอนความเป็นผู้นำของบริษัทที่เป็นที่จับตามองมากที่สุดในอินเดีย เพราะ Reliance เป็นหนึ่งในบริษัทหลาย ๆ แห่งที่มีมูลค่ามากที่สุด ขณะนี้ยังไม่มีแผนการถ่ายโอนความมั่งคั่ง จึงเป็นเพียงการคาดเดา
สิ่งที่อัมบานีต้องการหลีกเลี่ยงมากที่สุดเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย คือการต่อสู้แย่งชิงมรดกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขากับน้องชายเมื่อ 20 ปีก่อน หลังจากพ่อจากไปโดยไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้
บทบาทความเป็นผู้นำของอิชาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบทบาทของผู้หญิงคนอื่นในครอบครัวที่ลงมาเล่นธุรกิจหลักจนถึงทุกวันนี้
แม้ว่าช่วง 20 ปีมานี้ เริ่มมีหลายครอบครัวมีการส่งต่ออุตสาหกรรมในครอบครัวให้อยู่ในมือของผู้หญิง แต่แนวโน้มยังอีกยาวไกล
แผนการข้างหน้า
มูเกช อายุ 65 ปี บริหารอาณาจักร Reliance ในฐานะประธานและกรรมการผู้จัดการ ซึ่งยังมีเวลาพอ ก่อนที่จะส่งต่อให้ลูก ๆ
ศูนย์ธุรกิจครอบครัวและสถาบันธุรกิจอินเดีย Thomas Schmidheiny Centre for Family Enterprise กล่าวว่า มูเกชแตกต่างจากผู้สูงอายุชาวเอเชียอื่น ๆ ที่มักจะควบคุมความมั่งคั่งไว้จนวาระสุดท้าย แต่เขาแสดงให้เห็นว่า เป็นผู้นำธุรกิจครอบครัวคนรุ่นใหม่ในเอเชียที่ต้องการส่งต่อทุกขั้นทุกตอน เพื่อให้ถ่ายโอนธุรกิจไปสู่ลูก ๆ ได้อย่างราบรื่น
กลุ่ม Tata ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ ไปจนถึงตระกูลสิงคาเนีย ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทสิ่งทอยักษ์ใหญ่ Raymond Group, India Inc ที่ต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือด นำมาสู่การฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลยุ่งเหยิงและยาวนาน ซึ่งผู้ถือหุ้นต้องใช้เงินมหาศาล แต่ครั้งหนึ่งตระกูลอัมบานีก็เคยเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น 2 ครั้งเช่นกัน
ร่ำรวยจากรุ่นสู่รุ่น
Hubbis บริษัทที่ปรึกษากล่าวว่า การถ่ายทอดความร่ำรวยจากรุ่นสู่รุ่นยังมีเรื่องโควิด-19 เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ด้าน Knight Frank บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกกล่าวว่า แม้ว่าครอบครัวชาวเอเชียไม่ถึงครึ่งมีแผนที่จะส่งต่อความมั่งคั่ง แต่การระบาดทำให้อภิมหาเศรษฐีอินเดียคิดใหม่ ว่าจะถ่ายโอนความร่ำรวยอย่างไร รวมทั้งบทบาทของผู้หญิงในการสืบทอดความมั่งคั่ง
ลูก ๆ ทั้ง 3 คนเป็นกลุ่มแรก ๆ ในหมู่ผู้นำรุ่นหนุ่มสาวซึ่งกำลังสืบทอดสิ่งที่น่าอัศจรรย์ของ Reliance ทั้ง อิชา อัมบานี มีความทัดเทียมกับพี่น้องคนอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากญาติผู้พี่คนอื่น หรือป้าของเธอที่แต่งงานกับครอบครัวนักธุรกิจก่อนที่จะเกิดข้อพิพาทเรื่องมรดก นำมาสู่ความร้าวฉานในตระกูลอัมบานี
อิชาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเยลและทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่อย่าง McKinsey จนกระทั่งเข้าร่วมอาณาจักร Reliance
อาจารย์รามจันทรันกล่าวว่า ตระกูลอัมบานีแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในแวดวงการค้าคุชราตแบบเดิม ๆ มาสู่การยกระดับสตรีเพศ ซึ่งเป็นการส่งข้อความที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง
สันทีป เนอร์เลการ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของบริษัทวางแผน Terentia กล่าวว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อครอบครัวธุรกิจอื่น ๆ
ผู้หญิงแถวหน้า
อิชาเป็นผู้หญิงยุคใหม่คนหนึ่งที่มาจากครอบครัวนักธุรกิจชั้นนำ และมีตำแหน่งผู้นำระดับสูง นอกจากนี้ ยังมีนิซาบา โกเดรจ เจ้าของอาณาจักรธุรกิจเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของอินเดีย นาเดีย ชาอูฮาน เจ้าของแบรนด์ Parle Agro เครื่องดื่มชื่อดังของอินเดีย และยังมีคนอื่น ๆ อีกหลายคน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มีหลายสาเหตุที่ผู้หญิงก้าวมายืนแถวหน้า เพราะได้รับการศึกษาดีขึ้น และครอบครัวแบบดั้งเดิมเริ่มเปิดทางให้คนรุ่นใหม่
ทิพาลี โกเอนกา กรรมการผู้จัดการและซีอีโอของ Welspun India หนึ่งในบริษัทสิ่งทอที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียกล่าวว่า ผู้หญิงมีสิทธิมีเสียงของตัวเอง โกเอนกาแต่งงานเมื่ออายุ 18 ปี และช่วยงานธุรกิจของสามี หลังจากลูก ๆ โตขึ้นและเรียนต่อด้านการจัดการที่โรงเรียนธุรกิจ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
หนทางอีกยาวไกล
เนอร์เลการ์กล่าวว่า ครอบครัวอินเดีย 8 ใน 10 ยังมีอคติต่อลูกสาว และมักจะวางแผนให้ลูกชายรับช่วงธุรกิจต่อ แม้แต่การแบ่งทรัพย์สินระหว่างลูกสาวและลูกชายก็ยังไม่ได้เท่ากัน
วัลลี อรุนาชาลัม หนึ่งในทายาทของกลุ่ม Murugappa ซึ่งตั้งอยู่ในเจนไนมองว่าผู้หญิงต้องฟันฝ่าอีกมาก
ปัจจุบันมีการแก้ไขกฎหมาย เช่น กฎหมายมรดกของชาวฮินดูบัญญัติให้ผู้รับมรดกหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงสถานะสมรส ขณะที่รัฐบาลกำหนดให้มีผู้หญิงเข้าร่วมในคณะกรรมการบริหารของบริษัท
แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เป็นการต่อสู้กับปิตาธิปไตย และเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
…..