“อีลอน มัสก์”ประกาศ”เทสล่า”จะกลายเป็นบริษัทล้านล้านดอลล์ การอยู่บนดาวอังคารจะเป็นเรื่องจริง

“อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีและผู้ประกอบการที่ทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะมาในโลกอนาคต ได้เผยการคาดการณ์ล่าสุดของเขาเมื่อวันอังคารที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประกาศข้อตกลงการจ่ายเงินแบบใหม่ของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง “เทสล่า” ที่มัสก์ระบุว่า เขาจะรับเงินจากเทสล่าก็ต่อเมื่อเทสล่าเจาะตลาดและไปถึงเป้าหมายได้

“ผมเห็นศักยภาพจริงๆ ว่าเทสล่าจะกลายเป็นบริษัทล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้ภายในช่วงเวลา 10 ปี” มัสก์กล่าวกับซีเอ็นบีซีและนิวยอร์กไทม์ส

ทั้งนี้ ปัจจุบันเทสล่าเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากมัสก์สามารถสร้างเทสล่าให้มีมูลค่าตลาดได้ 6.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามแผนที่ประกาศไว้ และอีก 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายได้ของบริษัท ก็จะทำให้เทสล่ากลายเป็น 1 ใน 5 บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนจะมองว่าการสร้างเทสล่าให้มีมูลค่าตลาด 6.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในขั้นตอนการผลิตจนทำให้นักลงทุนไม่พอใจ

แต่นอกจากคาดการณ์ว่าเทสล่าจะกลายเป็นบริษัทล้านล้านดอลลาร์แล้ว มัสก์ยังเผยการคาดการณ์สุดขั้วอื่นๆ ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย

รัฐบาลจะจ่ายเงินเพื่อให้เราอยู่

อย่างที่รู้กันว่าระบบอัตโนมัตินั้นมาพร้อมกับหุ่นยนต์และ AI (artificial intelligence) ทำให้แรงงานทักษะต่ำจะถูกแทนที่งานอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขามองแนวทางแก้ปัญหาไว้ว่า

Advertisment

“นี่ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะมาถึงจุดสิ้นสุดของรายได้พื้นฐานสากล หรือสิ่งที่คล้ายๆ กัน เพราะมีระบบอัตโนมัติเข้ามา” มัสก์กล่าวกับซีเอ็นบีซีเมื่อ พ.ย.2016 และว่า นั่นหมายถึงรัฐบาลจะจ่ายเงินให้กับประชาชนเป็นรายเดือนโดยไม่คำนึงถึงการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มั่นใจว่าทุกคนควรจะทำอย่างไร แต่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน

นอกเหนือจากนั้น กลับกลายเป็นว่าประชาชนจะมีเวลาทำสิ่งอื่นๆ, ทำสิ่งที่ซับซ้อนมากขึ้น, สิ่งที่สนใจมากขึ้น และแน่นอนว่ามีเวลามากขึ้น

Advertisment

หุ่นยนต์จะสามารถทำทุกอย่างได้ดีกว่ามนุษย์

“หุ่นยนต์จะสามารถทำทุกอย่างได้ดีกว่าเรา ผมหมายถึงเราทุกคน” มัสก์กล่าวใน National Governors Association เมื่อเดือน ก.ค.ปีที่ผ่านมา และว่า “แต่ยังไม่มั่นใจจริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผม และผมจะบอกทุกคน”

มัสก์กล่าวเพิ่มเติมว่า การขนส่งจะเป็นอุตสาหกรรมแรกที่เป็นระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และไม่หยุดอยู่แค่นั้น แต่คาดว่าหุ่นยนต์จะสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ

AI จะเป็นภัยคุกคามต่ออารยธรรม

อย่างไรก็ตาม มัสก์กังวลเกี่ยวกับศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ว่าจะกลายมาเป็นสิ่งที่อันตรายหากไม่มีการตรวจสอบ

“ผมมีโอกาสได้สัมผัส AI ที่ทันสมัยมากที่สุด และผมคิดว่าผู้คนน่าจะกังวลเกี่ยวกับมันจริงๆ เพราะ AI จะเข้ามาทำให้การดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานของมนุษย์มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติทางถนน, การชนกันของเครื่องบิน หรือจ่ายยาผิด พวกเขาเป็นอันตรายต่อคนแต่ละคนในสังคม แต่ไม่ได้อันตรายต่อสังคมทั้งหมด” มัสก์กล่าว

ทั้งนี้ มัสก์เป็นคนที่สนับสนุนการควบคุมเชิงรุกในปัญญาประดิษฐ์ โดยเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เขาได้ทวีตข้อความเตือนว่า “AI นั้นอันตรายยิ่งกว่าเกาหลีเหนืออีก”

การอยู่อาศัยบนดาวเคราะห์อื่นจะเป็นเรื่องจริง และมัสก์กำลังสร้างอาณาจักรบนดาวอังคาร

อีลอน มัสก์ กล่าวว่า สเปซเอ็กซ์จะส่งจรวดลำแรกขึ้นไปที่ดาวอังคารในปี 2022 โดยเขากล่าวในงานประชุมอวกาศนานาชาติ 2017 ว่า เขามั่นใจว่าจะสร้างยานขนส่งและพร้อมเปิดตัวในอีก 5 ปี

ทั้งนี้ ตามแผนของมัสก์ จรวดชุดแรกจะขึ้นไปพร้อมกับสินค้าและข้าวของเครื่องใช้ และเมื่อวงโคจรของโลกและดาวอังคารซิงค์กันอีกครั้งในปี 2024 จรวดพร้อมลูกเรือจึงจะถูกส่งขึ้นไป

และในระยะต่อไป ลูกเรือก็จะไปสร้างเมืองบนดาวอังคาร ซึ่งจะทำให้ดาวอังคารกลายเป็นสถานที่ที่ดีที่จะอยู่อาศัย

ผู้คนจะสามารถบินไปไหนในโลกก็ได้ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที

นอกจากนี้ ระหว่างการประชุมอวกาศนานาชาติ 2017 ที่ออสเตรเลีย มัสก์ยังโชว์การใช้งานอีกรูปแบบหนึ่งของจรวดไปดาวอังคารของเขา นั่นก็คือเครื่องบินเชิงพาณิชย์อัลตร้าฟาสต์สำหรับใช้บนโลก

“หากคุณสร้างยานที่สามารถไปดาวอังคารได้ ดังนั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากนำยานลำเดียวกันมาใช้เดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งบนโลก” มัสก์กล่าว และว่า เรากำลังดูอยู่ และผลลัพธ์ของมันก็เป็นที่น่าสนใจ

มัสก์กล่าวว่า จรวดดังกล่าวจะสามารถเดินทางจากนิวยอร์กไปปารีสได้ในเวลาเพียง 30 นาที และจากโฮโนลูลูไปโตเกียวได้ใน 30 นาที หรือจากซิดนีย์ไปสิงคโปร์ก็ใช้เวลา 31 นาทีเท่านั้น

“เส้นทางที่ต้องใช้เวลาเดินทางมากๆ จะใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง และหากเราสร้างสิ่งที่จะทำให้เราเดินทางไปดวงจันทร์หรือดาวอังคารได้ แล้วทำไมเราถึงจะไปที่อื่นในโลกไม่ได้” มัสก์กล่าว