สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า การขนส่งทางรถไฟของประเทศจีนลดต่ำลงในช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาจากปีก่อนหน้า นับเป็นครั้งเเรกในรอบ 18 เดือน อีกทั้งการขนส่งทางถนนก็ยังเติบโตช้าในรอบ 1 ปี คาดการณ์ว่าเกิดจากปัญหาหมอกควันในกรุงปักกิ่ง ที่ทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศจีน
การชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากการควบคุมมลพิษทางอากาศ จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตเหล็ก อะลูมิเนียม ซึ่งมีมาตรการมาตั้งเเต่เดือนธันวาคม เเละมีบังคับใช้ในเดือนธันวาคมเป็นเดือนเเรก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
สำนักงานสถิติแห่งชาติกล่าวว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟเมื่อเดือนที่แล้วลดลง 3.8% จากปีที่แล้ว มูลค่าการขนส่งเหลือเป็น 303.87 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2017 และเป็นปีแรกที่ลดลงนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2016
สำหรับ การขนส่งสินค้าที่เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน เติบโตขึ้น 5.6% มีมูลค่าการขนส่งเป็น 3.3 พันล้านตัน ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำที่สุดตั้งเเต่เดือนมกราคม ปี 2017
ทั้งนี้ การชะลอตัวของการขนส่งสะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนลดลง เเละถือว่าเพิ่มขึ้นในอัตราช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ในเดือนธันวาคม
Liu Xuezhi นักวิเคราะห์ของ Bank of Communications กล่าวว่าในปี 2018 ปริมาณการขนส่งทางรถไฟอาจเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากการลงทุนชะลอตัวลง รวมถึงนโยบายของรัฐบาลในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมยังคาดว่าจะดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตาม เเม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการประกาศให้โรงงานขนาดเล็ก ลดการใช้รถบรรทุกดีเซลลงเกือบครึ่งหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน เเละให้เพิ่มการขนส่งทางรถไฟแทน เพื่อลดมลภาวะทางอากาศ เเต่การขนส่งทางรถไฟยังคงต่ำอยู่ดี
โดยในปี 2017 ปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟเพิ่มขึ้น 10.7% จากปีที่แล้ว มีมูลค่าขนส่งเป็น 3.69 พันล้านตัน ซึ่งลดลงร้อยละ 0.8 ในปี 2016 ค่าขนส่งทางถนนทั้งปีเพิ่มขึ้นเพียง 10.1% มีมุลค่าขนส่งเป็น 36.8 พันล้านตัน