
กรณีศึกษาจากโนรู พบพายุเพิ่มพลังฟาดอย่างรวดเร็ว ภายใน 6 ชั่วโมง จากไต้ฝุ่นกลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น พยากรณ์ไม่ทัน
วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานปรากฏการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่พบว่า พายุไต้ฝุ่นโนรู ยกระดับเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 6 ชั่วโมง ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์พยากรณ์อากาศได้ยากขึ้น

ลัวร์เดส ทิบิก นักอุตุนิยมวิทยาของสถาบันสภาพอากาศและเมืองยั่งยืน (Institute for Climate and Sustainable Cities) ประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ความท้าทายของนักวิทยาศาสตร์ คือการพยากรณ์ความรุนแรงอย่างแม่นยำและความเร็วของพายุต่าง ๆ เช่น พายุที่เกิดจากบริเวณความกดอากาศต่ำ จากนั้นทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุหมุนเขตร้อน
ลักษณะการเพิ่มกำลังลมคล้ายกันนี้ เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อพายุเฮอริเคนเอียนเปลี่ยนจากพายุระดับ 1 เป็นพายุเฮอริเคนระดับ 4 อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพัดขึ้นฝั่งตามแนวชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของฟลอริดา ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น
กรณีโนรู เดิมคาดการณ์ว่าจะขึ้นฝั่งด้วยกำลังลมเทียบเท่ากับพายุเฮอริเคนระดับ 1 แต่กลับมีกำลังแรงขึ้นเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น ซึ่งเทียบเท่ากับพายุเฮอริเคนระดับ 5

ฤทธิ์พายุทำให้แผ่นดินถล่มในเย็นวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย. และก่อคลื่นซัดเข้าใส่บริเวณชายฝั่งบนเกาะหลักของลูซอน ในจังหวัดนูเวบาเอซีฮา
ชาวบ้านคนหนึ่งเผยว่า ชุมชนของเขาโชคดีที่มีสัญญาณทีวีในรีสอร์ต และทันทีที่พวกเขาพบว่าไต้ฝุ่นมีกำลังแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก พนักงานจึงนำเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งของร้านอาหารทั้งหมดเข้ามา ในขณะที่คนในพื้นที่ หน่วยราชการช่วยอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่ง

ตามรายงานของสภาการจัดการและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติ (NDRRMC) ระบุว่า พายุโนรูส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัย 5 คนในจังหวัดบูลากัน
อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่อการเกษตรสูงถึง 51 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,900 ล้านบาท ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและชาวประมง 104,500 คน และสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เพาะปลูกกว่าพันล้านไร่
ขณะเดียวกันมีผลการศึกษาโดยนักวิจัยจากสถาบันนวัตกรรมอุตุนิยมวิทยาเสิ่นเจิ้นและมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง พบว่า พายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงขึ้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในผลที่ตามมาแน่นอนที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายในสิ้นศตวรรษ มีพลังทำลายล้างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

ขณะที่เจอร์รี บักตาซา ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ กล่าวว่า พายุหมุนเขตร้อนจำนวน 28% ที่พัดขึ้นฝั่งในประเทศได้เพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความชื้นสูง อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทร และความเร็วลมเป็นตัวกำหนดขนาดของความรุนแรงของพายุ
ผู้เชี่ยวชาญด้านพยากรณ์อากาศ พบว่าเป็นการยากที่จะคาดการณ์ความรุนแรงของพายุที่จะเพิ่มขึ้นรวดเร็วในมหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากแม้ว่าการตรวจสอบดาวเทียมจะดีขึ้น แต่ก็ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะคาดการณ์เหตุการณ์สภาพอากาศที่เลวร้ายลง

เนื่องจากนักพยากรณ์มักจะอาศัยประสบการณ์ในอดีต เหตุการณ์ใหม่จึงสามารถ “สลัด” การคาดการณ์ออกไปได้ ต้องเตรียมพร้อมกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นเสมอ
มิเรียน อบาดีญา แพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเขตแคปบากัน จังหวัดซัมบาเลส บนเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่นมีกำลังแรงขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และคาดเดาได้ยากขึ้น ทุกครั้งที่เราโดนพายุไต้ฝุ่น เราพยายามปรับปรุงการรับมือภัยพิบัติต่อไป นั่นคือวิธีเดียวที่เราจะตื่นตัว
…….