สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รอยัล ดัช เชลล์ ประกาศผลประกอบการประจำปีว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยมีรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 15.8 พันล้านดอลลาร์ (11.2 พันล้านปอนด์) ในปี 2017 เพิ่มขึ้นจาก 7.2 พันล้านนดอลลาร์ในปีที่แล้ว
เชลล์กล่าวว่าผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2016 ในขณะที่ผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้น 140% เป็น 4.3 พันล้านดอลลาร์
ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น มาจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นับเป็นครั้งเเรกในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าได้เเรงหนุนมาจากข้อบังคับในการจัดหาน้ำมันของ “กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน” หรือโอเปก (OPEC) รวมถึงการลดสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐเเละเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
Ben van Beurden ผู้บริหารเชลล์ กล่าวว่า ปี 2017 เป็นปีที่ผลดำเนินงานของบริษัทเเข็งเเกร่ง โดยบริษัทจะดำเนินงานในปีนี้ อย่างมีระเบียบเเละวินัย รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นเพื่อผลตอบเเทนที่ดีต่อบริษัท
รายงานระบุว่า รายได้ประจำปีของบริษัทสูงเกินที่คาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นเเละระดับการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเเหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่
เชลล์กล่าวว่า การผลิตน้ำมันและก๊าซมีปริมาณอยู่ที่ 3.66 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2017 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงราบในปี 2016 อีกทั้งการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน ทำให้สาขาของเชลล์หลุดจากภาวะตกต่ำต่อเนื่องได้
โดยล่าสุดกลุ่มบริษัทได้รับความสนใจจากผู้จัดจำหน่ายก๊าซและไฟฟ้า First Utility โดยให้ความเห็นว่าเชลล์จะก้าวขึ้นไปเป็น 1 ใน 6 ของผู้ให้บริการด้านพลังงาน เเละด้วยข้อตกลงนี้ เชลล์จะกลายเป็นผู้ให้บริการพลังงานโดยตรงไปยังประชาชนกว่า 825,000 หลังคาเรือนในอังกฤษ
