“เฟด” ส่งสัญญาณชัด ปีนี้ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 30-31 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ช่วงเดิมคือ 1.25-1.50% ตามที่ตลาดคาดหมาย โดยจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเฟดภายใต้ “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟดคนใหม่ที่จะมารับตำแหน่งแทนเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม เฟดได้แสดงออกชัดเจนกว่าเดิมเกี่ยวกับความคาดหวังเงินเฟ้อ โดยระบุว่าเงินเฟ้อตลอดปีนี้จะขยับขึ้นและจะมีเสถียรภาพอยู่ที่ระดับ 2% ตามเป้าหมายของเฟด ซึ่งทำให้นักลงทุนหูผึ่งเพราะนั่นหมายถึงว่าทิศทางของดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นต่อไป

ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เฟดได้คาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยของปีนี้ไว้ที่ 3 ครั้ง ตราบเท่าที่ไม่มีอะไรมาปั่นป่วนตลาด อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำของเฟดเกี่ยวกับเงินเฟ้อในการประชุมครั้งนี้ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดือนธันวาคมเล็กน้อย ทำให้นักเศรษฐศาสตร์บางรายเช่น “โจ บรูซูลัส” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอาร์เอสเอ็ม เชื่อว่าเฟดอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงจำนวนครั้งการขึ้นดอกเบี้ยจาก 3 เป็น 4 ครั้ง

เช่นเดียวกับ นายไมเคิล กาเพน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารบาร์เคลย์ ในนิวยอร์ก ที่ตีความจากเอกสารของเฟดที่ว่า “คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะพัฒนาไปในทิศทางที่จะมีเหตุผลอันสมควรให้มีการค่อย ๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก” จึงเชื่อว่าเป็นการปิดประตูตายสำหรับการขึ้น 2 ครั้ง และเปิดประตูสำหรับการขึ้น 4 ครั้ง

ในภาพรวมของเศรษฐกิจ เฟดเห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐจะขยายตัวในระดับปานกลาง เนื่องจากตลาดการจ้างงานค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.1% ต่ำที่สุดในรอบ 17 ปี ขณะที่การใช้จ่ายของครัวเรือน การลงทุนในสินทรัพย์ประเภททุน แข็งแกร่งเช่นกัน

นางเจเน็ต เยลเลน ไม่ได้รับการต่ออายุอีกสมัยจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งตลอดมานับตั้งแต่ช่วงก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ ทรัมป์ได้วิจารณ์การทำงานของนางเยลเลนอย่างดุเดือด กล่าวหาว่าจงใจดึงดอกเบี้ยให้ต่ำเป็นเวลานานเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลของ นายบารัก โอบามา จากพรรคเดโมแครต ทำให้ทรัมป์เสนอชื่อ นายเจอโรม พาวเวลล์ มาดำรงตำแหน่งแทนหลังจากนางเยลเลนหมดวาระลง โดยนายพาวเวลล์มานั่งตำแหน่งแทนตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม คาดว่านายพาวเวลล์จะยังคงสานต่อทิศทางการทำงานของนางเยลเลนต่อไป นั่นคือการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะในขณะเป็นสมาชิกเฟด นายพาวเวลล์มักโหวตเห็นชอบหรือสอดคล้องกับนโยบายของเยลเลน ซึ่งการประชุมเฟดนัดแรกภายใต้นายพาวเวลล์จะมีขึ้นในวันที่ 20-21 มีนาคมนี้ นักลงทุนเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้น 0.25% หากเป็นไปตามนั้นจะถือว่าเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 6 ต่อเนื่องกันนับจากที่มีการปรับขึ้นครั้งแรก

ตลอดเวลา 4 ปีที่นางเยลเลนดำรงตำแหน่งประธานเฟด อัตราการว่างงานได้ลดต่ำลงที่สุด นับจากปี 2000 โดยใช้ประโยชน์จากการที่เงินเฟ้อต่ำในการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำเพื่อเอื้อให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนมีงานทำภายหลังวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ และยังให้ความสำคัญกับปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในตลาดแรงงาน ซึ่งตามสายตาของ “ไดแอน สวองค์” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแกรนต์ ธอร์นตัน แอลแอลพี ในชิคาโก เห็นว่านางเยลเลนจากไปพร้อมกับความสำเร็จในการทำหน้าที่

ขณะที่ นายลุค บาร์โทโลมิว นักกลยุทธ์การลงทุนของอเบอร์ดีนสแตนดาร์ด อินเวสต์เมนต์ ระบุว่า ที่ผ่านมาถือว่าการเคลื่อนไหวของเฟดเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างดี แต่ก็มีความเสี่ยงว่านโยบายปฏิรูปภาษีของทรัมป์ ซึ่งรวมแล้วมีการปรับลดภาษีไปถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ที่มีผลตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อขยายตัวเร็ว ซึ่งจะบังคับให้เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม