ท่าอากาศยานนานาชาติ “ดูไบ” ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ขึ้นเเชมป์เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า การท่าอากาศยานดูไบ เปิดเผยวันนี้ว่าในปี 2017 มีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศทั้งหมด 88.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.5 % จากปี 2016 ที่มีจำนวน 83.6 ล้านคน
- แคดเมียมมีดีอะไร ทำไมแค่กากยังมีคนอยากได้?
- ปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพ ข้าราชการ 4 กลุ่ม เริ่ม 1 พ.ค.นี้
- แจกเงิน 1 หมื่น เปลี่ยนเงื่อนไข คนทั่วไปใช้ได้เฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก-ร้านสะดวกซื้อ
สถิติดังกล่าวทำให้ท่าอากาศยานดูไบ ครองเเชมป์สนามบินที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก หลังเเซงท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์ของกรุงลอนดอน มาได้เมื่อปี 2014
ด้านยอดผู้โดยสารนั้น พบว่าชาวอินเดีย ยังคงเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของสนามบินดูไบ โดยมีมากถึง 12.06 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.4 %
ส่วนที่น่าสนใจคือ ผู้โดยสารชาวรัสเซีย เพิ่มขึ้น 28% เป็น 1.3 ล้านคนเเละชาวจีนเพิ่มขึ้น 19.4 % เป็น 2.2 ล้านคน ด้วยผลจากการผ่อนปรนระเบียบการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่า) ให้ชาวจีนเเละรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ของรอยเตอร์ พบว่ายอดจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของสนามบินดูไบ ในปี 2017 นั้น ถือว่าขยายตัวต่ำสุดนับตั้งเเต่ปี 2009 โดยในปี 2018 นี้คาดว่าจะขยายตัวเพียง 2.4% อยู่ที่ราว 90.3 ล้านคน
โดยเมื่อเดือนมี.ค.ปีที่เเล้วทางการสหรัฐเคยสั่งห้ามผู้โดยสารผู้โดยสารที่เดินทางจากยูเออีและหลายประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ นำแล็ปท็อปและแท็บเล็ตขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคง ซึ่งต่อมาทางสายการบินเอมิเรสต์ได้รับคำสั่งยกเว้นดังกล่าวเเล้ว โดยเปลี่ยนเป็นการเพิ่มมาตรการตรวจความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเเบบใหม่เเทน
ทั้งนี้ ปัจจุบันสายการบินเอมิเรตส์ มีสัดส่วน 51 % ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดของท่าอากาศยานดูไบ ขณะที่สายการบิน ฟลายดูไบ มีสัดส่วน 13.2 %
อ่านเพิ่มเติม : Dubai airport predicts rise in traffic after 2017 growth dips
