ผู้นำสหรัฐ โจ ไบเดน ตำหนิสหรัฐเฉื่อยชา จนทำให้งานอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงชิป ไปตกอยู่ในมือจีน
วันที่ 1 ธันวาคม 2565 ฟ็อกซ์ บิสซิเนส รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา กล่าวเยี่ยมชมโรงงานเทคโนโลยีที่ส่งออกชิป มูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท ที่เมืองเบย์ ซิตี รัฐมิชิแกน ว่าอุตสาหกรรมการผลิตต้องส่งไปจีนและที่อื่น ๆ เพราะสหรัฐเนือยไปเอง
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
โรงงานที่ไบเดนมาเยือนเป็นโรงงานผลิตชิปของบริษัท SK Siltron สัญชาติเกาหลีใต้ คาดว่าจะเพิ่มการผลิตอีก 4 เท่าในอีกไม่กี่ปีนี้
รัฐบาลสหรัฐเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและเทคโนโลยีในสหรัฐ เพื่อผลิตชิ้นส่วนประกอบและผลิตภัณฑ์ในประเทศ หลังจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทานเกิดปัญหามายาวนานจนเกือบจะเป็นหายนะ
ไบเดนกล่าวถึงความสำเร็จจากการบริหารงานของรัฐบาล ว่าการลงทุนผลิตชิปภายในประเทศจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานมายังสหรัฐแทนการ “พึ่งพาชิปที่ผลิตในต่างประเทศ เช่น จีน“
สหรัฐริเริ่มคิดค้นชิปก่อนใคร ทั้งรัฐบาลกลางยังช่วยลงทุนเพื่อลดค่าต้นทุนการผลิต อุตสาหกรรมที่สหรัฐเป็นผู้นำเมื่อ 30 ปีก่อน สหรัฐผลิตชิปได้ร้อยละ 30 ของโลก
แต่ต่อมาการผลิตในสหรัฐ ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจประเทศกลับย้ายฐานการผลิต บริษัทต่าง ๆ เริ่มย้ายงานไปต่างประเทศ เพราะต้นทุนถูกกว่า ค่าแรงถูกกว่า และขณะนี้ สหรัฐส่งผลิตภัณฑ์ดี ๆ ไปให้แรงงานชั้นดีผลิตในต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2543 วุฒิสภาสหรัฐลงมติให้จีนมีสถานะ “ความสัมพันธ์ทางการค้าถาวรแบบปกติ” หรือเอ็มเอฟเอ็น เปิดทางให้เข้าสู่องค์การการค้าโลก
ขณะนั้น ไบเดนเป็นวุฒิสมาชิกที่โหวตให้จีนเป็นเอ็มเอฟเอ็นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่จีนได้รับสถานะดังกล่าวครั้งแรกระหว่างรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ในปี 1980
วุฒิสมาชิกทอม คอตตอน กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “China Trade Shock” ทำให้ชาวอเมริกันตกงาน 2 ล้านตำแหน่ง และนำไปสู่การเพิ่มการลงทุนในจีนซึ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับจีน
ไบเดนกล่าวถึงการลงทุนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์การผลิตในอเมริกา ว่าสหรัฐลงทุนมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดตามมา
“ผู้คนต่างอยากมาและลงทุนที่นี่ เราเคยส่งออกตำแหน่งงานมากกว่าสินค้า ตอนนี้เราต้องกลับเข้าลู่เข้าทางของการส่งออกสินค้า ไม่ใช่ส่งออกตำแหน่งงาน” นายไบเดนกล่าว
…..