“จีน” ส่งนักท่องเที่ยวบุกโลก Soft Power เปิดประตูธุรกิจ

“จีน” กลายเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดของโลก ที่สำคัญคือมีการใช้จ่ายให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นเม็ดเงินมหาศาล ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของโลก ล่าสุดพบว่ากลุ่มเศรษฐีของจีนเริ่มเปลี่ยนจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวใหม่ ไปประเทศที่มีค่าใช้จ่ายแพงมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์มองว่า คลื่นนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไป ก็สะท้อนทิศทางการแพร่อิทธิพลของภาคธุรกิจแดนมังกรที่จะติดตามไปให้บริการนักท่องเที่ยวจีนด้วย

ไชน่าเดลี รายงานอ้างข้อมูลของ “ซีทริป” เอเยนซี่ด้านการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สุดบนโลกออนไลน์ของจีน ระบุถึงเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่แต่ละปีมีการเดินทางไปต่างประเทศกว่า 120 ล้านคนว่า ความน่าสนใจ คือ จุดหมายปลายทางของกลุ่ม “เศรษฐีจีน” จากเดิมที่นิยมท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา และประเทศแถบยุโรป เช่น ลอนดอนของอังกฤษ และเยอรมนี เป็นต้น

ข้อมูลล่าสุดในการจองทริปท่องเที่ยวของชาวจีนในช่วง “วันตรุษจีน” ที่จะถึงนี้ พบว่าพฤติกรรมการจองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก เริ่มเปลี่ยนไป โดย 10 ประเทศจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดยาวปีนี้ กลายเป็นประเทศที่มีค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวแพงที่สุด และเป็นการท่องเที่ยวแบบประสบการณ์ใหม่ ๆ มากขึ้น ได้แก่ อาร์เจนตินา, บราซิล, นอร์เวย์, ไอซ์แลนด์, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, ฟินแลนด์, แทนซาเนีย, แอนตาร์กติกา และตาฮิติ เกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะวินด์เวิร์ด ตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งใต้

รายงานของซีทริประบุว่า กลุ่มนักเดินทางส่วนใหญ่จะเป็นครอบครัวและคู่รัก โดยรายงานประเมินค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครอบครัวต่อหนึ่งทริป คาดว่าจะอยู่ที่ราว 100,000 หยวน หรือประมาณ 15,898 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ “แอนตาร์กติกา” คือ จุดหมายปลายทางที่มีราคาแพงที่สุด โดยเฉลี่ยจะมีราคาสูงกว่า 160,000 หยวนต่อคน

ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลงทะเบียนเดินทางไปแอนตาร์กติกาในเว็บไซต์ซีทริป เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีก่อน นายได่ บิ่น ผู้อำนวยการสถาบันการท่องเที่ยวประเทศจีน ให้ความคิดเห็นว่า “การท่องเที่ยวของชาวจีนเปลี่ยนไป นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมในการเดินทางเพื่อไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่าง ยังแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของผู้บริโภคที่มีรายได้สูงขึ้นอีกด้วย”

ขณะที่ ดร.เหนิงเหย่ หลิว นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแอดิเลด รัฐเซาท์ออสเตรเลีย มองว่า พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนไม่ได้แสดงออกถึงศักยภาพของกำลังซื้อเพียงอย่างเดียว แต่นัยสำคัญอีกประการก็คือ รัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญและผลักดันการท่องเที่ยวในต่างแดนเพื่อเชิงสัญลักษณ์ “soft power” เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมของจีนให้ทั่วโลกรู้จัก ที่สามารถนำไปสู่การเปิดประตูการค้าการลงทุนของจีนต่อไป

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า บางประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางไป เช่น บราซิล หรืออาร์เจนตินา ยังมีปัญหาจากพิษเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองภายใน เป็นไปได้ว่าจีนจะใช้ soft power นี้เพื่อเป็นใบเบิกทางในการร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต


เช่นเดียวกับหลายประเทศเอเชียที่เป็นเป้าหมายหลัก ๆ ของนักท่องเที่ยวจีน เช่น “กัมพูชา” เป้าหมายเบอร์ต้นของกลุ่มทัวร์จีน โดยทางการจีนเข้าไปมีส่วนร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาในการพัฒนา “โปรเจ็กต์ก่อสร้างสนามบิน” เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่จะเข้ามามากขึ้น นั่นหมายถึงสัดส่วนของนักท่องเที่ยวชาวจีนเกินกว่าครึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในกัมพูชา นอกจากนี้ จีนยังให้ความสนใจในธุรกิจบริการอย่างโรงแรม และร้านอาหาร ซึ่งมีการลงทุนร่วมกับนักธุรกิจกัมพูชาด้วย

สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจอย่าง “อาลีเพย์” (Alipay) ในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีน ที่เข้าไปให้บริการในต่างประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนด้วย โดยปัจจุบันร้านค้าที่รับชำระสินค้าผ่านอาลีเพย์ ที่อยู่นอกประเทศจีนราว 70,000 ร้านค้า โดยจำนวนนี้อยู่ในประเทศไทย 10,000 ร้านค้า และญี่ปุ่นอีก 38,000 ร้านค้า เป็นต้น

“เยว์ หยวน ม่า” ผู้จัดการด้านการวางแผนการขายของห้างฯทาเคย่า กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถนำเงินออกนอกประเทศได้มากนัก เพราะทางการจีนกำหนดจำนวนเงินในการแลกเงินเพื่อป้องกันการขนเงินออกนอกประเทศ จึงทำให้อาลีเพย์มีความสำคัญในการใช้จ่ายเงินของคนจีนพร้อมกันนี้ “เปิง เลี่ยง” ผู้อำนวยฝ่ายการท่องเที่ยวของซีทริประบุว่า ปีก่อนการลงทะเบียนไปเที่ยวในประเทศเป้าหมายหลักลดลง ได้แก่ สหรัฐ อิตาลี เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ขณะที่กลุ่มทัวร์จีนเดินทางไป “แอนตาร์กติกา” มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ “อะมานดา ลีนส์” จากสมาคมระหว่างประเทศกลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวแอนตาร์กติกา (IAATO) ที่ระบุว่า “นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามามากขึ้น โดยบริษัทนำเที่ยวของจีนถือว่าเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยวในแอนตาร์กติกาได้รับความสนใจ และมีการแข่งขันที่คึกคักขึ้น”