“ฟิลิปปินส์” คงที่อัตราดอกเบี้ย! แม้เงินเฟ้อในเดือนมกราคม พุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ และคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความกดดันชั่วคราว และความกดดันด้านราคาจะผ่อนคลายลงในปีหน้า โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยค้างคืนไว้ที่ร้อยละ 3.0 รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ยังคงมีอัตราส่วนสำรองต่อธนาคารไม่เปลี่ยนแปลง

 

Nestor Espenilla ผู้ว่าการของ Bangiko Sentral of Pilipinas (BSP) เเถลงว่า การคาดการณ์พื้นฐานล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นในปี 2018 ซึ่งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงและอยู่ในเป้าหมายในปี 2019 เนื่องจากแรงกดดันด้านราคาจากภาษีเพิ่มขึ้น ราคาอาหารและน้ำมันสูงขึ้น อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐได้ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในปีนี้ขึ้นเป็นร้อยละ 4.34% สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2-4% สำหรับปี 2018 เเละ 2019 จากร้อยละ 3.4%

อย่างไรก็ตาม มีการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับปกติในปีหน้า โดยมีอัตราการพิมพ์เฉลี่ยอยู่ที่ 3.49% แม้ว่าจะเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.2% ก็ตาม

ด้านนักเศรษฐศาสตร์ รู้สึกประหลาดใจ ภายหลังอัตราเงินเฟ้อรายปีในเดือนมกราคมปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 4.0% กระตุ้นให้มีการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม

นักวิเคราะห์ 9 ใน 12 คนจากการสำรวจของรอยเตอร์ส ได้คาดการณ์ว่า ในวันพฤหัสบดีนี้จะยังไม่มีการเปลี่ยนเเปลงอัตราดอกเบี้ย

นายกาเร็ธ ลีสต์เตอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียจาก แคปปิตอล อีโคโนมิคในกรุงลอนดอน กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังทรงตัวอยู่ตลอดปี 2018

ฟิลิปปินส์เมื่อปีที่แล้วถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการขยายตัวเร็วที่สุดในเอเชียโดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 6.7% หลังจากหลายปีมีภาวะเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งในปัจจุบันฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับภาวะขาดดุล ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์บางรายเกิดความวิตก

ทั้งนี้ผู้ว่าการของเเบงก์ กล่าวกับรอยเตอร์สว่า สภาวะด้านการเงินของฟิลิปินส์ ได้รับการสนุบสนุนจากการส่งเงินกลับมาที่ประเทศ การส่งออก เเละสัญญาจ้าง “การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสะท้อนถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของฟิลิปปินส์ซึ่งส่งผลให้การนำเข้าสินค้า ทุนวัตถุดิบ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มขึ้น”