ยักษ์ “น้ำดำ” แตกไลน์ สู้กระแสรักสุขภาพ !

แม้ว่ากระแสรักสุขภาพจะมาแรง ดันตลาดอาหารสุขภาพโตไว และเป็นที่ปลาบปลื้มของรัฐบาลทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ชาติแห่งฟาสต์ฟู้ดที่ได้เห็นประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้นจากเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนไป แต่ขณะเดียวกันมีหนึ่งธุรกิจที่กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนักจากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ได้แก่ “ธุรกิจน้ำอัดลม”

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยอดขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมต่าง ๆ ตกลงอย่างต่อเนื่อง จนโคคา-โคลาเจ้าตลาดน้ำดำรายใหญ่ต้องประกาศลดจำนวนพนักงาน เพื่อต่อลมหายใจธุรกิจ

ขณะเดียวกัน ทุกค่ายก็ต้องปรับตัวอย่างหนักด้านโปรดักต์ เมื่อน้ำดำและบรรดาน้ำหวานอัดลมไม่สามารถทำรายได้ได้มากเท่าเดิม โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นทิศทางการตลาดจากการโฟกัสน้ำอัดลม มาสู่เครื่องดื่มอื่นที่น้ำตาลน้อยลง

ปีนี้ก็เช่นกัน เมื่อตลาดแข่งขันดุเดือดขึ้น “เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล” ได้รายงานถึงการประกาศทิศทางบริษัทในรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ผ่านมาของ 3 ยักษ์เครื่องดื่ม “โคคา-โคลา” “เป๊ปซี่ โค” และ “ด็อกเตอร์ เป็ปเปอร์ สแน็ปเปิล”

“ด็อกเตอร์ เป็ปเปอร์ สแน็ปเปิล” เจ้าของ A&W รูทเบียร์ และ 7UP ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายเล็กที่สุดใน 3 เจ้า ได้เผยแผนเมื่อต้นปีในการร่วมทุนกับ “Keurig Green Mountain” ผู้ผลิตกาแฟพร้อมดื่ม ด้วยข้อตกลงมูลค่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ Keurig เริ่มต้นผลิตกาแฟลงในไลน์สินค้าของด็อกเตอร์ เป็ปเปอร์ และจัดจำหน่ายไปยังเครือข่ายที่ด็อกเตอร์ เป็ปเปอร์ มีอยู่แล้ว

ขณะที่ “เป๊ปซี่ โค” จะหันมาจับไลน์การผลิตเครื่องดื่มประเภท “โซดา” มากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมา เครื่องดื่มประเภทสปาร์กกลิ้ง โตมากถึง 15% มีมูลค่ามากถึง2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

และสัปดาห์ที่ผ่านมา เป๊ปซี่ โค ได้ประกาศเปิดตัวเครื่องดื่มสปาร์กกลิ้งโซดาในกระป๋องหลากสี ภายใต้แบรนด์ “Bubly” ถือเป็นความหวังใหม่ในการคืนชีพในตลาดอเมริกาเหนือ หลังจากที่ไตรมาสที่แล้ว กำไรหล่นลงไปถึง 10%

เป๊ปซี่ โค เคยออกมาให้ความเห็นว่า ยอดขายที่ตกลงเป็นเพราะฤดูร้อนที่ผ่านมา อากาศเย็นกว่าปกติ และการทำมาร์เก็ตติ้งยุคใหม่อะไร ๆ ก็โฟกัสไปที่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพก่อนไปทุกอย่าง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากยอดขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมลดลง สิ่งที่เป๊ปซี่ โค หันไปจับคือธุรกิจขนม หรือสแน็กต่าง ๆ เช่น โดริโทส หรือซันชิปส์ พร้อมกับมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายภายในราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

สำหรับยักษ์เบอร์หนึ่งอย่าง”โคคา-โคลา” เดิมพันอนาคตไว้กับเครื่องดื่มไดเอ็ทโค้ก 4 รสชาติใหม่ ได้แก่ “Ginger Lime” “Twisted Mango” “Zesty Blood Orange” “Feisty Cherry” ที่ได้เปิดตัวเมื่อราวเดือนมกราคมที่ผ่านมา

โดย “Zesty Blood Orange” ได้รับความนิยมสูงสุด ช่วยขยายตลาดน้ำอัดลมของโค้กไปได้ระดับหนึ่ง เพราะนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ยอดขายโค้กซีโร่ตกลงต่อเนื่อง ทำให้ไตรมาสล่าสุด โค้กได้ดัน

“โคคา-โคลา ซีโร่ ชูการ์” ซึ่งแตกไลน์มาจากโค้กซีโร่ธรรมดา ออกมาวางขายเพิ่มยอด โดยซีโร่ ชูการ์ แตกต่างตรงที่ใช้รสหวานเทียมและไม่มีแคลอรี

ในวันศุกร์ที่ 16 ก.พ.นี้ โค้กจะเปิดรายงานผลประกอบการประจำปีฉบับล่าสุด ซึ่งน่าจะมีการระบุถึงเครื่องดื่มหวานน้อย4 รสชาติใหม่ของโคคา-โคลาว่าจะไปได้สวยหรือไม่ โดยเสียงหลัก ๆ จากนักลงทุนระบุว่า สิ่งที่อยากจะรู้ในรายงานล่าสุดนี้ คือ ความพยายามในการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ และการรีแบรนด์ของโคคา-โคลา ได้ช่วยให้ผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นในไตรมาสล่าสุดหรือเปล่า