จับโอกาสลงทุน “ซูดาน” ดึงไทยลงทุน “ประมง-ท่องเที่ยว”

หากพูดถึงทวีปแอฟริกา หลาย คนอาจนึกถึงดินแดนที่แห้งแล้ง ผู้คนอดอยาก และยากจน หากวันนี้หลายอย่างได้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป เมื่อทวีปแอฟริกาได้กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีตลาดเกิดใหม่เกิดขึ้นเกือบ 10 ประเทศ ขณะที่สหประชาชาติ ได้คาดการณ์ว่า ในสิ้นสุดศตวรรษนี้ (ค.ศ. 2100) ภูมิภาคแห่งนี้จะมีประชากรมากถึง 4.2 พันล้านคน (จากปัจจุบัน 230 ล้านคน) คิดเป็น 40% ของทั้งโลก

แม้ว่ากระแสการพัฒนาปัจจุบันได้เคลื่อนตัวจากโลกตะวันตก สู่โลกตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นจีน หรือตลาดเกิดใหม่ทรงพลังอย่างอินเดีย ต่างได้รับความสนใจจากนักลงทุน แต่จากสายตาของนักลงทุนผู้ที่สังเกตการณ์การเติบโตของทวีปแอฟริกามาอย่างยาวนาน พวกเขาเชื่อว่า แอฟริกากำลังจะเกิดใหม่ในเร็ว ๆ นี้ และหากใครมองเห็นโอกาสเข้าไปลงทุนก่อน น่าได้เปรียบก่อนอย่างแน่นอน

“ซูดาน” เร่งเครื่องดึงต่างชาติ

ซูดานเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในทวีปแอฟริกา เรียกว่าใหญ่กว่าไทยเกือบ 5 เท่า และมีทรัพยากรมากมาย ทั้งผลผลิตการเกษตร ก๊าซพลังงาน ทองคำ แร่ธาตุต่าง ๆ เต็มเปี่ยมแทบทุกพื้นที่ แต่ยังไม่มีโนว์ฮาวที่เหมาะสมเข้าไปช่วยพัฒนา สร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรเหล่านั้น

สิ่งที่ทำให้ซูดานโดดเด่นกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค เพราะซูดานมีด้านหนึ่งของประเทศติดกับชายฝั่ง ขณะที่มีประเทศเพื่อนบ้านเป็นแลนด์ล็อกถึง 4 ประเทศ จึงต้องเข้ามาใช้ท่าเรือของซูดานในการส่งออก

“ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามโปรโมตการลงทุนอย่างมาก โดยเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ยกเลิกการคว่ำบาตรซูดาน รัฐบาลชุดปัจจุบันจะอยู่นานถึงปี 2020 ดังนั้นผมคิดว่า นักลงทุนน่าจะเห็นโอกาสและมีความเชื่อมั่นมากขึ้น” Osama Faisl Ali Alsayed รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการลงทุนซูดาน กล่าวในงานสัมมนา “โอกาสการค้าและการลงทุนในซูดาน” ซึ่งจัดโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย ในเดือนกุมภาพันธ์นี้

สิ่งสำคัญที่รัฐบาลซูดานเน้นย้ำมากคือ การสนับสนุน “ประชารัฐ” รัฐใส่ใจและร่วมประชุมกับภาคเอกชน เพื่อรับฟังว่าเอกชนต้องการอะไร และยังสนับสนุนให้ภาคเอกชนซูดาน ทำธุรกิจกับต่างชาติมากขึ้น ทั้งยังมีนโยบายพัฒนาระบบ one stop service สำหรับภาครัฐ รวมไปถึงสร้างแพลตฟอร์มอีกัฟเวอร์เมนต์ เพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างชาติ

ส่องโอกาสทองการลงทุน

ปัจจุบันซูดานเป็นประเทศผู้ผลิต “คอตตอน” รายใหญ่ของโลก รวมถึงเมล็ดน้ำมัน, เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่าง งา เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมที่กำลังมาแรงในซูดานคือ ก๊าซธรรมชาติและเหมืองทอง เหมืองแร่ เช่น ทองแดง เหล็ก โครเมียม ซึ่งปัจจุบันซูดานเป็นผู้ผลิตทองอันดับ 2 ของแอฟริกา

โอกาสของนักลงทุนจึงหลากหลาย เช่น การเข้ามาช่วยสกัดแร่ แปรรูปผลผลิตทางเกษตร รวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นถนน สนามบิน ไฟฟ้าและน้ำดื่ม สำหรับทั้งคนในเมืองและนอกเมือง

ทั้งชักชวนคนไทยไปลงทุนในด้านท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นภาคส่วนที่คนไทยถนัด โดยเฉพาะโรงแรมหรู เนื่องจากปัจจุบันโรงแรม 5 ดาวในเมืองคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดานก็มีไม่ถึง 10 แห่ง

หนุนไทยลงทุนประมง-แปรรูป

ด้าน “ร.ท.สรวุฒิ ปรีดีดิลก” อัครราชทูต ปฏิบัติราชการที่กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าวว่า แอฟริกาถือเป็นทวีปที่น่าสนใจมาก เนื่องจากอยู่ในเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน และมีทรัพยากรที่น่าสนใจ ทั้งทางบกและทางน้ำ โดยซูดานมีชายฝั่งยาวถึง 850 กิโลเมตร ที่สามารถทำประมงได้ปีละ 650,000 ตัน แต่ปัจจุบันทำได้เพียง 14% เท่านั้น

ด้าน “พันธ์พิไล ใบหยก” ประธานกรรมการ บริษัท บีวายเค อินเตอร์เทรดนักธุรกิจไทยซึ่งมีโอกาสเดินทางไปยังซูดาน กล่าวเสริมว่า ในซูดาน ปลาที่หามาได้ เหลือก็ทิ้ง หากไทยนำโนว์ฮาว การแปรรูป ถนอมอาหารเข้าไปก็น่าจะมีโอกาสมาก เพราะประชาชนยังไม่มีความรู้ด้านการถนอมอาหาร หรือแปรรูปใด ๆ

ทั้งนี้ แม้ว่านักลงทุนจะมองซูดานว่าน่าสนใจในการลงทุนเพื่ออนาคต แต่นักวิเคราะห์บางรายบอกว่ายังเร็วเกินไป เนื่องจากการลงทุนจากต่างชาติ ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก นอกจากเรื่องของคอร์รัปชั่นที่กัดกินประเทศมายาวนาน กฎหมายที่ยังไม่เอื้อสิทธิประโยชน์นักลงทุนแล้ว ยังมีปัญหาสงครามกลางเมืองที่สามารถปะทุได้ตลอดเวลา แม้รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาถึงเสถียรภาพก็ตาม เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเป็นชาวมุสลิม

แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนผิวสีที่นับถือศาสนาท้องถิ่นและศาสนาคริสต์อยู่บ้าง และมีชนเผ่าต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีปัญหาในแง่ของการกระจายอำนาจการปกครองอย่างเท่าเทียม