การท่องเที่ยวโลกฟื้นแรง ขยายตัวใกล้ถึงระดับก่อนโควิด

ท่องเที่ยว
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

รายงานผลการวิจัยของ สภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลก (WTTC) ประจำปี 2023 ซึ่งจัดทำภายใต้ความร่วมมือกับ “ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์” ชี้ให้เห็นว่าภาคการเดินทางและท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เข้าใกล้ระดับของเมื่อปี 2019 ซึ่งเป็นปีที่การเดินทางและท่องเที่ยวโลกทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดเต็มทีแล้ว

งานวิจัยชื่อ “การวิจัยผลกระทบทางเศรษฐกิจประจำปี 2023” ชี้ให้เห็นว่า ภาคการเดินทางและท่องเที่ยวทั่วโลก ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2021 เติบโตถึง 24.7% เมื่อเทียบกับระดับของปี 2020 และยังขยายตัวต่อในปี 2022 ถึง 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่ารวมสูงถึง 7.7 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้ง ๆ ที่ทั่วโลกยังเผชิญอยู่กับความยากลำบากทั้งทางเศรษฐกิจและความท้าทายเชิงภูมิรัฐศาสตร์

เม็ดเงิน 7.7 ล้านล้านดอลลาร์ดังกล่าว คิดเป็น 7.6% ของจีดีพีโลกในปี 2022 ที่ถือเป็นสถิติสูงสุดของภาคธุรกิจการเดินทางและท่องเที่ยวนี้นับตั้งแต่ปี 2019 อีกด้วย

ในปี 2023 ทีมวิจัยคาดการณ์ว่า ภาคการเดินทางและท่องเที่ยวจะสร้างมูลค่าทะลุ 9.5 ล้านล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าระดับรายได้ที่เคยทำได้สูงสุดเมื่อปี 2019 เพียงแค่ 5% โดยเมื่อถึงปี 2033 ภาคธุรกิจนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 15.5 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 11.6% ของเศรษฐกิจโดยรวมทั้งโลก

ทั้งนี้ในปีนั้น ภาคการเดินทางและท่องเที่ยวจะก่อให้เกิดการจ้างงานสูงถึง 430 ล้านคนทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงเกือบ 12% ของแรงงานทั้งหมด

งานวิจัยชิ้นนี้เปิดเผยด้วยว่า ถึงเวลานี้มีประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว 34 ประเทศ จาก 185 ประเทศ ที่ภาคการเดินทางและท่องเที่ยวฟื้นตัวเต็มที่ เทียบเท่ากับระดับก่อนหน้าเกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2019 แล้วในแง่ของสัดส่วนของรายได้ต่อจีดีพีของแต่ละประเทศ แต่ถ้าเปรียบเทียบกันเฉพาะรายได้ที่เป็นเม็ดเงินแล้ว การท่องเที่ยวของประเทศเหล่านี้ทำรายได้สูงเกินกว่าระดับเมื่อปี 2019 แล้วด้วยซ้ำไป

ดังนั้น ดับเบิลยูทีทีซีคาดการณ์ว่า เมื่อถึงสิ้นปี 2023 เกือบครึ่งหนึ่งของ 185 ประเทศดังกล่าวจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดอย่างเต็มตัว หรือไม่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงราว 95% ของระดับเมื่อปี 2019 นอกจากนั้นจะก่อให้เกิดการจ้างงานในระดับ 95% ของการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมนี้เมื่อปี 2019 อีกด้วย

คิดเป็นตำแหน่งงาน 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลก เทียบกับ 334 ล้านตำแหน่งของเมื่อปี 2019 หลังจากนั้น ภาคการเดินทางและท่องเที่ยวเผชิญวิกฤตอย่างหนักจากการแพร่ระบาด สูญเสียตำแหน่งงานไปกว่า 70 ล้านตำแหน่ง ทำให้การจ้างงานโดยรวมหลงเหลือเพียง 264 ล้านตำแหน่งในปี 2020 ก่อนที่จะมีการฟื้นตัวเพิ่มตำแหน่งงานขึ้น 11 ล้านตำแหน่งในปี 2021 แล้วสร้างงานเพิ่มเติมอีก 21.6 ล้านตำแหน่งในปี 2022 ทำให้การจ้างงานโดยรวมทะลุถึงกว่า 295 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

นอกจากนั้น ในปี 2022 การใช้จ่ายโดยรวมของนักเดินทางและนักท่องเที่ยวจากต่างแดนขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 82% คิดเป็นเงินรวม ทั้งหมดนั้นแสดงให้เห็นว่า การเดินทางระหว่างประเทศด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว

จูเลีย ซิมป์สัน ประธานและซีอีโอของดับเบิลยูทีทีซี ระบุว่า จากงานวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ภาคการเดินทางและท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของภาคธุรกิจนี้และความคงทนของความต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยว

ซิมป์สันระบุว่า ภายในสิ้นปีนี้ การเดินทางและท่องเที่ยวทั่วโลกจะขยับเข้าใกล้ระดับที่เคยสูงสุดในปี 2019 ชนิดเอื้อมถึงได้ไม่ยาก หลังจากนั้นคาดว่าจะขยายตัวล้ำหน้าระดับปี 2019 ได้ในปี 2024 ต่อไป โดยเชื่อว่าการเดินทางและท่องเที่ยวจะเป็นภาคธุรกิจที่ขยายตัวเติบโตต่อเนื่องไปอีก 10 ปี

“ปีนี้จะเป็นปีที่การเดินทางและท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้นไปอีก เมื่อนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง” ซิมป์สันระบุ

งานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า ความขัดแย้งที่กลายเป็นการสู้รบยืดเยื้อในยูเครน ทำให้มีประเทศจำนวนหนึ่งอย่างเช่น จีน ยังคงจำกัดการเดินทางและท่องเที่ยวต่อไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่บ้าง

แต่การตัดสินใจของรัฐบาลจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่จะเปิดประเทศอีกครั้งนับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาเป็นตัวช่วยสำคัญผลักดัน ให้ภาคธุรกิจนี้สามารถฟื้นตัวสู่ระดับก่อนหน้าการแพร่ระบาดได้ในปีหน้า


จนกลายเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่สดใสที่สุด ท่ามกลางความยุ่งยากสับสนและซับซ้อนทางการเงินและอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกในเวลานี้