ภายหลังชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา “วลาดิเมียร์ ปูติน” ผู้นำของรัสเซีย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังจะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีติดต่อกันสมัยที่ 4 ถึงกรณีเหตุวางยาพิษอดีตสายลับรัสเซียและลูกสาว ในประเทศอังกฤษเมื่อต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องไร้สาระที่หลายฝ่ายคิดว่ารัสเซียเป็นผู้กระทำ ซึ่งเป็นการกล่าวหาอย่างผิดๆ เพราะหากเป็นการใช้สารพิษทำลายประสาทที่ใช้กันในกองทัพแล้วคนที่ถูกวางยาต้องเสียชีวิตในทันที
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของอังกฤษกับรัสเซียที่ตึงเครียดต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเรียกพบนายลอรี บริสโตล เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงมอสโก เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ เพื่อตอบโต้คำสั่งขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตรัสเซีย 23 คนของนายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ ผู้นำอังกฤษ อย่างเป็นทางการ พร้อมสั่งขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตอังกฤษ 23 คน โดยให้ออกจากประเทศภายใน 1 สัปดาห์
- ไทยสมัครสมาชิก OECD อย่างเป็นทางการแล้ว หวังยกระดับประเทศ-ช่วยเศรษฐกิจโต 1.6%
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
- ภูเก็ตแหล่งน้ำดิบส่อวิกฤตน้ำ ภาคธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรม ยอดใช้ประปาพุ่ง
ด้านนายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จะออกคำสั่งให้ลอบวางยาพิษโจมตีนายเซอร์เก สกรีปอล อดีตเจ้าหน้าที่สายลับชาวอังกฤษ และน.ส.ยูเลีย สกรีปอล ลูกสาว ซึ่งถูกพบในสภาพเป็นลมหมดสติและยังมีอาการโคม่า
โดยทางการรัสเซียแถลงปฏิเสธข้อครหา และประณามพฤติกรรมของนายบอริสที่ออกมาระบุดังกล่าว พร้อมจะมีการเปิดการสอบสวนคดีพยายามฆ่านายสกรีปอลและลูกสาว รวมถึงเหตุฆาตกรรมนายนายนิโคไล กลุชคอฟ นักธุรกิจชาวรัสเซีย และอดีตรองประธานบริหารสายการบินแอโรฟล็อต ซึ่งมีร่องรอยถูกบีบคอจนเสียชีวิตที่บ้านพักในกรุงลอนดอน เมื่อ 12 มี.ค.