ลู่ทาง “พญามังกร” กุมชัย 5 สินค้าใช้น็อก “พญาอินทรี”

ภาพจาก : www.bloomberg.com

“สงครามการค้าเป็นสิ่งที่ดี และง่ายที่จะเอาชนะ” หนึ่งในข้อความบนทวิตเตอร์ของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” หลังประกาศปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ทั้งยังมุ่งเป้ามาที่ “จีน” เป็นประเทศแรก แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับมองว่า สหรัฐมั่นใจเพียงฝ่ายเดียว หากพิจารณาจากหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกัน ผู้นำฝีปากกล้าอาจต้องกลับมาพิจารณาถึงชัยชนะใหม่อีกครั้ง

“ร็อบ ชมิทซ์” นักเขียนชาวอเมริกันจาก NPR สถานีวิทยุแห่งชาติเซี่ยงไฮ้ เขียนบทความลงเว็บไซต์สรุป 5 สินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐ และอาจช่วยให้พลิกคดีกลายเป็น”ผู้ชนะ” ในสงครามการค้านี้

“ถั่วเหลือง” ชี้ชะตาสหรัฐ

สินค้าตัวแรกก็คือ “ถั่วเหลือง” เนื่องจากจีนเป็นผู้เลี้ยงและบริโภคสุกรรายใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งเป็นผู้ซื้อถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยปีที่ผ่านมาสหรัฐส่งออกถั่วเหลืองกว่า 30 ล้านตัน มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ไปยังตลาดจีน คิดเป็นกว่า 57% ของการส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐ

หากจีนลดการนำเข้าหรือตั้งกำแพงภาษีนำเข้าถั่วเหลือง ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือ เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในมลรัฐตอนกลางและตอนเหนือของสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานเสียงสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์

ขณะที่ “บราซิล” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกถั่วเหลือง โดยปีที่ผ่านมาการส่งออกเกือบ 51 ล้านตัน และหนึ่งในตลาดสำคัญก็คือจีน หมายความว่าหากจีนตอบโต้สหรัฐ ก็ยังสามารถนำเข้าจากบราซิลได้

ADVERTISMENT

“แอร์บัส” เสียบแทน “โบอิ้ง”

“โบอิ้ง” ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติอเมริกันรายใหญ่สุดของโลก เป็นอีกอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐและจีนโดยตรง เพราะนอกจากจีนถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของโบอิ้งแล้ว ปัจจุบันการผลิตมากกว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องบินเจ็ตไลเนอร์เพื่อการพาณิชย์ ก็มาจากฐานผลิตในจีน โดยเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา โบอิ้งและผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติจีน (COMAC) ได้ลงนามข้อตกลงโรงงานประกอบโบอิ้ง 737 ในเมืองชายฝั่งโจวซานของจีน

นอกจากนี้ เดือน พ.ย. 2017 โบอิ้งก็ได้ลงนามขายเครื่องบิน 300 ลำกับจีน เป็นมูลค่าราว 37,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังมีแนวโน้มว่าอีก20 ปีข้างหน้า สายการบินพาณิชย์ของจีนจะซื้อเครื่องบินใหม่ จำนวนถึง 7,200 ลำ มูลค่าราว 1.1 ล้านล้านดอลลาร์

ขณะที่ นายเรย์ คอนเนอร์ รองประธานโบอิ้ง เคยกล่าวว่า คำสั่งซื้อของจีนสนับสนุนการจ้างงานในสหรัฐถึง 150,000 ตำแหน่ง หากโบอิ้งไม่ได้คำสั่งซื้อจากจีน ก็จะเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับคู่แข่งจากยุโรปอย่าง “แอร์บัส”

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงการบินมองมุมเดียวกันว่า อุปสรรคที่ทรัมป์กำลังเล่นงานจีน อาจกดดันให้จีนหันไปนำเข้าเครื่องบินลอตใหญ่จากแอร์บัสแทน ซึ่งจีนเพิ่งปิดดีลสั่งซื้อเครื่องบินของแอร์บัสไป 140 ลำ ระหว่างเยือนกรุงเบอร์ลิน

มะกันคดีทุ่มตลาด “ข้าวฟ่าง”

“ข้าวฟ่าง” เป็นประเด็นปัญหาระหว่างสหรัฐและจีนต่อเนื่อง หลังจีนเปิดสอบสวนระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2016-31 ต.ค. 2017 ว่า สหรัฐมีการทุ่มตลาด “ข้าวฟ่าง” หรือไม่ รวมถึงการสอบสวนเรื่องการอุดหนุนราคาที่ไม่เป็นธรรม โดยการสอบสวนกำหนดว่าต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 ก.พ. 2019 หลังจีนพบความผิดปกติของราคาข้าวฟ่างจากสหรัฐว่าต่ำกว่าปกติ เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยในตลาดโลก หากพบความผิดจริง ถือว่ารัฐบาลจีนสามารถเอาคืนสหรัฐได้หลายกระทง

แม้ว่า “สหรัฐ” เป็นผู้ส่งออกข้าวฟ่างรายใหญ่สุดของโลก และเป็นผู้จัดหารายใหญ่ที่สุดให้กับตลาดจีน โดยปี 2017 จีนนำเข้าข้าวฟ่างจากสหรัฐเกือบ 5 ล้านตัน มูลค่าถึง1.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อป้อนอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ในช่วงที่ราคาข้าวโพดแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม “เม็กซิโก” เป็นอีกประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกข้าวฟ่างอันดับสองของโลก โดย

ปีก่อนผลิตได้ 625,000 ตัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มการผลิตมากขึ้น ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากหากจีนจะหันพึ่งเม็กซิโก และลดการนำเข้าจากสหรัฐ

แม้ว่าการสอบสวนดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งเป็นผลจากที่รัฐบาลจีนตอบโต้สหรัฐ หลังสหรัฐอนุมัติการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เซลล์จากจีนช่วงต้นปีนี้ พร้อมประเมินว่า ผลการสอบสวนครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายให้กับตลาดสหรัฐมากกว่า

ฐานผลิต “แอปเปิล” อยู่จีน

จีนถือเป็นฐานผลิตใหญ่ของบริษัท “แอปเปิล” โดยจะประกอบที่โรงงาน “ฟ็อกซ์คอนน์” ในจีน บริษัทในเครือฮ่องไฮ พรีซิชัน อินดัสทรี บริษัทสัญชาติไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลก

ทั้งนี้ การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมด ขึ้นอยู่กับแรงงานของจีนที่มีจำนวนมาก และต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่าในสหรัฐ ปีที่ผ่านมา “ทิม คุก” ซีอีโอของแอปเปิล กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกจีนเป็นฐานการผลิต ปัจจัยแรกไม่ใช่เรื่องค่าแรง แต่ศักยภาพของแรงงานทักษะสูงมีจำนวนมาก ทั้งรัฐบาลจีนยังได้จัดสร้างโรงงานที่สามารถจ้างแรงงานได้ถึง 3,000 คนต่อวัน

จีนลูกค้าใหญ่ “GM” 6 ปีซ้อน

ผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์กล่าวว่า ปัจจุบันจีนเป็นตลาดค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของ “GM” หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐ ต่อเนื่อง 6 ปีติดต่อกัน โดยหลายปีที่ผ่านมา GM สามารถจำหน่ายรถยนต์ในตลาดจีนได้มากกว่าในสหรัฐ

อย่างในปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์และกิจการร่วมค้าของ GM ขายรถยนต์ 4 ล้านคันในตลาดจีน เพิ่มขึ้น 4.4% จากปีก่อนหน้า โดยปีที่ผ่านมา GM ได้ส่งรถโมเดลใหม่เข้าสู่ตลาดจีนถึง 18 รุ่น เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น รถยนต์ไฟฟ้า รถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) และรถยนต์หรู

“แฮนน่าห์ แอนเดอสัน” นักวิเคราะห์ตลาดโลกจากเจพีมอร์แกน แอสเซต แมเนจเมนต์ มองว่า ศึกการค้านี้สหรัฐน่าจะได้รับผลกระทบทางลบมากกว่าจีน เพราะจะเห็นว่ารัฐบาลจีนเริ่มปรับตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐน้อยลงในหลายอุตสาหกรรม